
สรุปข่าว

หลังจากที่สื่อมวลชนได้ทำความรู้จักตัวตนที่มาที่ไปของมาสด้า 3 เจเนอเรชั่นใหม่ พร้อมกับทดลองขับกันคร่าวๆ ในสนามทดสอบกับกิจกรรม ‘Mazda Thailand Sneak Preview’ ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้ว ล่าสุดมาสด้าได้เชิญสื่อมวลทดสอบขับบนถนนที่ใช้งานจริงกันอีกครั้ง

สำหรับกิจกรรมครั้งนี้มาสด้าเลือกใช้เส้นทางภาคใต้ โดยขับจากจังหวัดภูเก็ต-กระบี่ ซึ่งมีลักษณะของถนนที่หลากหลาย เคลื่อนผ่านทั้งเขตชุมชนที่มีจราจรหนาแน่นให้พิสูจน์ความคล่องตัว และทางโล่งให้ได้พิสูจน์สมรรถนะของเครื่องยนต์ ตลอดจนสัมผัสกับประสิทธิภาพของระบบช่วงล่างบนทางโค้งซ้ายขวา รวมระยะทางไป-กลับ 240 กม.

ก่อนอื่นขอย้อนไปเรื่องที่มาที่ไปถึงหัวใจหลักของมาสด้า 3 เจเนอเรชั่นใหม่ คือ การพัฒนาให้เป็นยนตรกรรมที่มุ่งสู่ความเป็น ‘มาสด้า พรีเมียม’ ภายใต้สุนทรียศาสตร์สไตล์ญี่ปุ่น กับแนวคิดการออกแบบ KODO Design หรือ จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว
โดยได้แรงบันดาลใจจากรถต้นแบบอย่าง RX-VISION และ VISION COUPE ซึ่งถูกยกย่องว่าเป็นผลงานที่ออกแบบได้สะอาดสวยงาม ผสานการเล่นแสงเงา สะท้อนถึงความละเอียดและสไตล์ที่หรูหราได้อย่างลงตัว

สิ่งสำคัญ มาสด้า 3 เจเนอเรชั่นใหม่ ทั้ง 2 รูปแบบตัวถังนั้นถูกรังสรรค์ให้มีบุคลิกที่ต่างกันอย่างชัดเจน โดยในซีดานนำเสนอสัดส่วนหรือเชฟที่หรูหรามากขึ้น ทรงพลังด้วยรูปทรงที่นุ่มนวลสง่างาม องค์ประกอบทั้งด้านหน้า-หลังใช้การวางเค้าโครงแนวนอน เน้นลักษณะที่กว้างและต่ำ

ส่วนในรุ่นแฮตช์แบค 5 ประตู นั้นมีคาแรคเตอร์ที่ดูทรงพลัง มุมมองด้านข้างตัวรถใช้การสะท้อนแสงและเงาโดยไม่ต้องใช้แนวเส้น ส่วนเสาซี (ด้านท้ายรถ) ให้มุมมองที่แข็งแกร่ง ให้ภาพรวมออกมาเป็นรถสปอร์ตสไตล์แฮตท์แบครายละเอียดของตัวรถด้านหน้า
อย่างไรก็ตามภาพรวมภายในห้องโดยสารทั้ง 2 รุ่นตัวถัง มีดีไซน์อยู่ในแนวทางเดียวกัน มุ่งเน้นความ 'เรียบง่ายแต่หรูหรา' โดยมุ่งให้รถและคนขับเป็นหนึ่งเดียวกัน ที่นั่งคนขับทุกด้านได้รับการจัดวางในแนวนอนที่สมมาตร (ได้สัดส่วนและสมดุล) โดยให้ผู้ขับอยู่ตรงกลาง ขณะเดียวกันทุกองค์ประกอบในรถดีไซน์ให้หันหน้าไปทางผู้ขับโดยตรง เพื่อให้ผู้ขับมีสมาธิในการขับขี่มากยิ่งขึ้น
ตำแหน่งการขับขี่ออกแบบเพื่อความรู้สึกในการขับขี่ที่เป็นธรรมชาติ โดยวิศวกรได้มุ่งเน้นการออกแบบเบาะนั่งให้รองรับกระดูกเชิงกรานส่วนล่าง-บน และต้นขา ด้วยการใช้โครงสร้างพื้นฐานที่ออกแบบเพื่อรักษาเส้นโค้งรูปตัวเอส เพื่อให้กระดูกเชิงกรานอยู่ในตำแหน่งตั้งตรง ขณะเดียวกันเบาะนั่งด้านบนยังช่วยดึงจุดศูนย์ถ่วงของซี่โครง
เมื่อมีการเหยียบแป้นเบรก-คันเร่ง การปรับที่นั่ง และการบังคับเลี้ยว ผู้ขับก็ยังสามารถรักษาท่าทางที่เป็นธรรมชาติ ทั้งนี้เพื่อช่วยลดความเมื่อยล้าจากการขับขี่และรู้สึกสบายแม้จะขับขี่เป็นเวลานาน
นอกจากนี้ยังมีแก้ไขจุดบอดต่างๆ ที่ก่อให้เกิดเสียงรบกวนในห้องโดยสาร และปรับปรุงให้เงียบยิ่งขึ้นด้วยวัสดุซับเสียง รวมทั้งควบคุมเสียงที่ได้ยิน-กำจัดเสียงที่ไม่พึงประสงค์ ลดแรงสั่นสะเทือนและความกระด้างที่สะท้อนกลับมาสู่ห้องโดยสาร
ขณะที่ขุมพลังยังไม่เปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยี SKYACTIV-X อย่างที่สื่อหลายสำนักคาดการณ์ โดยเป็นบล็อกเดิม SKYACTIV-G เบนซิน 2.0 ลิตร แต่มีการปรับปรุงและพัฒนาใหม่ในหลายจุด ทั้งในส่วนของระบบการจ่ายเชื้อเพลิงมีการเปลี่ยนหัวฉีดใหม่ พร้อมกับปรับแรงดันน้ำมัน ปรับดีไซน์ลูกสูบใหม่ รวมถึงมีการใช้วาล์วควบคุมน้ำหล่อเย็น

รายละเอียดเครื่องยนต์ SKYACTIV-G 4 สูบ 2.0 ลิตร Dual S-VT Electronic Direct Injection กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ SKYACTIV รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E85 ได้
หลังจากได้ทดลองขับจริงบนระยะทางร่วม 240 กม. ขอเริ่มต้นด้วยสมรรถนะของเครื่องยนต์กันก่อน ซึ่งขุมพลังที่ประจำการอยู่ในมาสด้า3 ใหม่ ยังคงเป็นบล็อกเดิมเกียร์เดิม แต่มีการปรับปรุง-พัฒนาหลายๆ จุด แน่นอนผลที่ได้คือ ประหยัดเชื้อเพลิงกว่าเดิม มาพร้อมกับแรงบิดที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้ต่างแบบเด่นชัดหรือรู้สึกว่าว้าว! อย่างไรก็ดีถ้าเพิ่มขึ้นมากกว่านี้อีกสัก 20-30 แรงม้า ให้รู้สึกแบบขาดๆ ไม่คาใจ ก็จะดีมากๆ เพราะช่วงล่างที่เซ็ตใหม่นี้ยังรองรับความแรงได้อีกมาก
ส่วนระบบช่วงล่างบอกเลยว่าค่อนข้างเด็ดขาดในความแน่นและเฟิร์ม โดยเฉพาะเสถียรภาพการทรงตัว ใครจะเชื่อว่าผลจากการเปลี่ยนแปลงจากมัลติลิงค์เป็นทอร์ชั่นบีมจะทำออกมาได้ดีขนาดนี้ (ซึ่งวิศวกรให้ข้อมูลว่าเป็นเรื่องของการลดน้ำหนัก เนื่องจากทอร์ชั่นบีมลดน้ำหนักได้มากถึง 10 กก. อีกทั้งทอร์ชั่นบีมยังตอบสนองในการขับขี่ได้ดี)


โดยการเข้าโค้งทั้งแบบต่อเนื่อง หรือโค้งกว้างๆ ตลอดจนการเปลี่ยนเลนด้วยความเร็วเดินทาง สัมผัสได้ว่าเฮ้ยมันเจ๋งขึ้น ซึ่งรุ่นเดิมนับว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เยี่ยมแล้ว แต่รุ่นใหม่นี้ต้องบอกเลยว่าเยี่ยมกว่า อาการโยนตัวของรถน้อยลดลงแบบชัดเจน ยิ่งจังหวะที่สาดเข้าโค้งรู้สึกได้ถึงความนิ่ง อีกทั้งอาการโคลงเคลงตามแรงเหวี่ยงของรถน้อยลง รวมทั้งพวงมาลัยที่เรียกว่าคมขึ้น ทำให้คอนโทรลรถได้ง่ายและสนุก
อีกหนี่งความโดดเด่นของมาสด้า 3 เจนฯ ใหม่ คือความเงียบภายในห้องโดยสาร นับว่าพัฒนาได้อย่างน่าประทับใจทีเดียว โดยเฉพาะกับเบาะคู่หน้า ในช่วงใช้ความเร็ว 80-120 กม./ชม. เสียงลมหรือเสียงจากภายนอกที่เข้าสู่ห้องโดยสารมีลดลงกว่าเดิม รวมถึงเมื่อขับผ่านพื้นถนนที่เป็นไม่เรียบเนียน การสะท้อนของเสียงจากพื้นขึ้นมาให้ได้ยินน้อยลง


ด้านความสบายเมื่อได้นั่งเบาะคู่หน้า ตัวเบาะดีไซน์ให้รองรับกับสรีระได้ค่อนข้างดีขึ้นกว่าเดิม พนังพิงดันหลังกำลังดีไม่ยวบจนเกินไป และนั่งแล้วไม่มีอาการวิงเวียนศีรษะ สัมผัสได้ว่านั่งยาวๆ อาการเมื่อยล้าลดลงอันนี้จัดว่าดีครับ อีกหนึ่งสิ่งที่ชอบเป็นการส่วนตัว คือดีไซน์ของแดชบอร์ดที่ออกแบบได้อย่างเรียบหรูดูแพงและพรีเมี่ยม คุณภาพวัสดุรวมๆ ค่อนข้างดีทีเดียว ตำแหน่งการจัดวางสวิตช์ต่างๆ ก็สะดวกและง่ายต่อการใช้งาน ไม่ดูเลอะเทะวุ่นว่ายหรือรกสายตา
ในส่วนของเบาะหลัง องศาความเอียงของพนักพิงเท่ากับรุ่นเดิม ฐานเบาะนั่งแล้วไม่ยวบหรือเป็นหลุมจมลงไป แต่รู้สึกว่าแข็งไปสักนิด พื้นที่ส่วนขา-หัวเข่ายังพอมีเหลือไม่ชนหรือยันกับหลังเบาะคู่หน้า ขณะที่การการเก็บเสียงยังได้ไม่ดีเหมือนกับด้านหน้า โดยเฉพาะเสียงของยางที่สัมผัสกับถนน เวลาขับผ่านคลื่นชะลอความเร็ว เส้นทางไม่เรียบหรือรอยต่อถนน เสียงนั้นสะท้อนขึ้นมาให้ได้ยินค่อนข้างชัด

อีกหนึ่งที่มาสด้ายังคงมีเหมือนกับรุ่นเดิม ความอึดอัดในเบาะแถวหลังโดยเฉพาะในรุ่น 5 ประตู เนื่องด้วยการออกแบบด้านท้ายรถที่ลาดเอียง ส่งผลให้ระยะเฮดรูมค่อนข้างต่ำ คนรูปร่างสูงใหญ่นั่งแล้วรู้สึกว่าดูทึบๆ อีกทั้งการเข้าออกต้องระวังศีรษะจะชนกับเพดานหลังคาอีกด้วย
สุดท้ายขอพูดถึงรูปลักษณ์ ต้องบอกเลยว่ามาสด้าทำออกมาได้อย่างน่าแตกต่างและน่าประทับใจตั้งแต่หัวจรดท้ายทั้งรุ่นซีดานและแฮตช์แบค ซึ่งในความเห็นส่วนตัว รู้สึกว่าการลดเส้นสายรายละเอียดที่ไม่จำเป็นออกนั้น กลับทำให้ตัวรถดูมีความลื่นไหล สง่างามอย่างลงตัว และยิ่งเมื่อสะท้อนกับแสงที่ตกกระทบกับตัวรถไม่ว่าจะเป็นมุมไหน ก็ยังมองเห็นเป็นจุดดึงดูดสายตา เสมือนเป็นเสน่ห์ที่ช่วยเติมเต็มตัวตนของมาสด้า3 ใหม่

สรุป : มาสด้า3 ใหม่ นับว่าเป็นรถในกลุ่มซีเซกเมนต์ที่มีคาแรคเตอร์เด่นชัด โดยเฉพาะการเป็นรถขับขี่ได้สนุกในทุกๆ ช่วงความเร็ว แม้ว่าเรี่ยวแรงจะไม่แตกต่างจากเดิมแบบเด่นชัดนัก แต่ทว่าก็ถูกทดแทนด้วยประสิทธิภาพของช่วงล่างที่มอบความสนุกและมั่นใจให้กับผู้ขับยิ่งกว่าเดิม อีกทั้งยังอัดแน่นเทคโนโลยีช่วยขับ-ระบบความปลอดภัยล้ำๆ มากมาย ที่สำคัญรูปลักษณ์ดีไซน์ทั้งภายในภายนอกนั้นนับว่าสดใหม่ ตลอดจนออปชั่น-ฟีเจอร์อำนวยความสะดวกสบาย จัดมาให้แบบแน่นๆ ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ส่วนราคาเมื่อเทียบกับคุณสมบัติที่ได้บอกเลยว่าคุ้มค่าแน่นอน ที่เหลือก็เป็นเรื่องของแบรนด์และความชอบส่วนตัว ซึ่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งในเซกเม้นต์เดียวกันอีก 2 ค่ายก็เป็นเรื่องที่คุณต้องตัดสินใจครับ
- รีวิว : เปอโยต์ 3008 และ 5008 เอสยูวี 7 ที่นั่ง
- เมอร์เซเดส-เบนซ์ E 350 e Final Edition ล็อตสุดท้ายราคาพิเศษ
- อาวดี้ เปิดตัว A1 Sportback พรีเมียมคอมแพ็คต์น้องใหม่ 2.149 ล้านบาท
- เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัว 2 ยนตรกรรมสปอร์ตพันธุ์แรงโฉมใหม่
- ซูซูกิ แครี่ ใหม่ คุ้มค่า แข็งแกร่ง แรงดี!
- เปอโยต์ ประเทศไทย เปิดโชว์รูมแห่งแรกย่านเกษตร-นวมินทร์
- วอลโว่นำเสนอโมเดลใหม่ ปี 2020 สามรุ่น XC90, XC60 และ S90
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand