
สรุปข่าว
สื่อสหรัฐเผย ผลการศึกษาของทีมวิจัยมหาวิทยาลัยเพื่อวิทยาศาสตร์และสุขภาพแห่งโอเรกอน (โอเอชเอสยู) ซึ่งตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารวิชาการของสมาคมการแพทย์อเมริกัน (เอเอ็มเอ) ที่แสดงให้เห็นว่า ผู้ซึ่งฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วติดเชื้อ จะก่อให้เกิดภูมิคุ้มกันสูงซึ่งน่าจะคงอยู่ยาวนานชนิดที่เรียกว่า “ซุปเปอร์อิมมูนิตี” ขึ้นตามมา
การศึกษาวิจัยดังกล่าว ซึ่งใช้กลุ่มเจ้าหน้าที่ประจำมหาวิทยาลัย 52 คนที่เคยได้รับวัคซีนของไฟเซอร์เป็นกลุ่มตัวอย่าง โดยในจำนวนนี้มี 26 คนซึ่งเกิดการติดเชื้อโควิดแม้จะผ่านการฉีดวัคซีนแล้วและแสดงอาการป่วยเพียงเล็กน้อย โดยแยกเป็น ติดเชื้อเดลต้า 10 คน, ติดเชื้ออื่นๆ ที่ไม่ใช่เดลต้า 9 คน และอีก 6 คนติดเชื้อกลายพันธุ์ที่ไม่เป็นที่รู้จัก เมื่อนำตัวอย่างเลือดของทั้ง 26 คนมาตรวจสอบ พบว่าระดับภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนแล้วอยู่ในระดับสูงกว่าภูมิคุ้มกันที่วัคซีนกระตุ้นให้ร่างกายสร้างขึ้นหลังได้รับวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 2 ราว 2 สัปดาห์ ถึง 1,000 เท่า
สำหรับระดับการป้องกันการติดเชื้อโควิด19
a). 3 เข็มmRNAs + การติดเชื้อ (ซุปเปอร์ภูมิคุ้มกัน)
b) 3 เข็ม mRNAs (ภูมิคุ้มกันสูงมาก)
c) 2 เข็ม mRNAs หรือไขว้ J&J + mRNA (ภูมิคุ้มกันพอประมาณ)
d) 1 เข็ม mRNA หรือ J&J เพียงอย่างเดียว หรือการติดเชื้อเพียงอย่างเดียว (ภูมิคุ้มกันขั้นต่ำ)
e) ไม่ได้ฉีดวัคซีน ( ไม่มีภูมิคุ้มกันเสี่ยงติดเชื้อสูง)
นอกจากนี้ มีการเผยแพร่ผลการวิจัย วารสารการแพทย์เกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์และทางเดินปัสสาวะ ตีพิมพ์ ผลการวิจัยในกลุ่มชายไทยผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งพบว่าชายไทยที่ติดเชื้อโควิด-19 มีอาการ อวัยวะเพศไม่แข็งตัวเกิดขึ้นร่วมด้วย
งานวิจัยดังกล่าวเป็นการศึกษาร่วมกันระหว่าง คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และสภากาชาดไทย เพื่อศึกษาว่า อาการอวัยวะเพศไม่แข็งตัวหรือ อีดี นั้นเกิดขึ้นกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากน้อยแค่ไหนและมีตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับการเกิดอาการดังกล่าวในกลุ่มชายผู้ติดเชื้อโควิด-19
งานวิจัยใช้กลุ่มตัวอย่างเป็นชายไทยที่สามารถเจริญพันธุ์ และติดเชื้อโควิด-19 ระหว่างเดือนพฤษภาคม และเดือนกรกฎาคม 2021 ที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพบาลโดยกลุ่มตัวอย่างเป็นชายจำนวน 153 คนที่ติดเชื้อโควิด-19 พบว่ามีอาการอวัยวะเพศไม่แข็งตัวคิดเป็นสัดส่วน 64.7% ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง นอกจากนี้ยังพบว่าอาการอวัยวะเพศไม่แข็งตัวนั้นมีความเกี่ยวข้องกับสภาวะทางจิตด้วย โดยความเสี่ยงเกิดภาวะอีดี จะสูงขึ้นกับคนที่มีปัญหาซึมเศร้า
///สอดคล้องกับงานวิจัยซึ่งเผยแพร่ในวารสาร “เฟอร์ทิลิตี้ แอนด์ สเตอริลิตี้” (Fertility and Sterility) ที่ศึกษาจากตัวอย่างน้ำเชื้อที่เก็บจากผู้ชายในเบลเยียม หลังจากหายป่วยจากโควิด-19 จำนวน 120 คน อายุเฉลี่ย 35 ปี คน พบว่า ตัวอย่างที่เก็บภายใน 1 เดือนหลังหายป่วย 37 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่าง มีจำนวนอสุจิลดลง ขณะที่ 60 เปอร์เซ็นต์ การเคลื่อนไหวของอสุจิลดลง
จากนั้นจะค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ3เดือน โดยในกลุ่มตัวอย่างที่เก็บเชื้อระหว่าง 1-2 เดือน 29 เปอร์เซ็นต์ มีจำนวนอสุจิลดลง และ 37 เปอร์เซ็นต์ การเคลื่อนไหวของอสุจิลดลง ขณะที่ตัวอย่างที่เก็บหลัง 2 เดือน จำนวนอาสาสมัครที่ตรวจพบว่าจำนวนและการเคลื่อนไหวอสุจิลดลง คิดเป็น 6 เปอร์เซ็นต์ และ 28 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ไม่พบเชื้อโควิด-19 ในน้ำเชื้อ ขณะที่ความรุนแรงของการติดเชื้อโควิด-19 ก็ไม่มีความสัมพันธ์กับลักษณะของอสุจิ
ดังนั้นคู่รักที่ต้องการจะมีบุตรควรตระหนักว่า คุณภาพอสุจิหลังการติดเชื้อโควิด-19 อาจต่ำกว่าระดับปกติ โดยระยะเวลาฟื้นตัวคาดว่าจะอยู่ที่ 3 เดือน อย่างไรก็ตาม ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม ถึงข้อมูลว่าตัวแปร Omicron ที่แพร่ระบาดใหม่จะรุนแรงกว่า Delta หรือไม่
- โควิด NB.1.8.1 เป็นสายพันธุ์หลักในไทยแล้ว มีแนวโน้มมากขึ้น
- วัคซีนโควิด-19 ไม่ถูกถอดจากรายชื่อวัคซีนแนะนำในสหรัฐฯ
- โควิด-19 ระบาดหลายภูมิภาค! "สายพันธุ์ NB.1.8.1" แพร่กระจายเร็ว อย่าชะล่าใจ
- กรมวิทย์ฯ คาดโควิดสายพันธุ์ NB.1.8.1 กลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในประเทศไทยและทั่วโลก
- “หมอยง” เปิดข้อมูลโควิดสายพันธุ์ล่าสุดที่พบในกทม. ติดต่อง่าย แพร่กระจายเร็ว
- โควิดระบาด! ยอดป่วยพุ่งต่อเนื่อง สะสม 211,717 ราย ยังเป็นสายพันธุ์ JN.1
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand