
สรุปข่าว
เซี่ยงไฮ้เตรียมทะยาน ออกมาตรการดึงดูดเด็กพรสวรรค์ระลอกใหม่ (ตอนจบ) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน
เราคุยกันไปเมื่อตอนก่อนว่า เซี่ยงไฮ้เป็นผู้นำการพัฒนาคุณภาพสูงในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมแผงวงจรรวม ปัญญาประดิษฐ์ และชีวการแพทย์ เซี่ยงไฮ้จึงเดินหน้าออกนโยบายการดึงดูดผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องอย่างเปิดกว้างและสะดวกยิ่งขึ้น
เซี่ยงไฮ้ทำอะไรอีกบ้าง ได้ผลเป็นอย่างไร และมีอะไรเป็นจุดเด่นที่ไทยเราควรเรียนลัดอีกบ้าง ...
ที่ผมชื่นชอบมากก็คือ การเดินหน้าอำนวยความสะดวกในการถ่ายโอนและการแปลงความสำดเร็๗ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้วยนโยบายจูงใจ โดยมากกว่า 70% ของรายได้สุทธิจากการวิจัยและถ่ายโอนผลงานวิจัยถูกใช้เป็นรางวัลแก่บุคลากรที่เกี่ยวข้องและทีมงาน แน่นอนว่าสิ่งนี้นับเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจแก่คณะวิจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จของผลงานวิจัยใหม่
ตัวอย่างเช่น ในปี 2017 สถาบันวิจัยด้านเคมีและชีววิทยานําโดยศาสตราจารย์หยวน จุนหยิง ได้ขายสิทธิบัตรยาต้านมะเร็งใหม่เป็นเงินเกือบ 460 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่คิดค้นขึ้น และนับเป็นโครงการความร่วมมือในสาขาเภสัชกรรมที่ใหญ่ที่สุดของจีน

จากสถิติพบว่า เซี่ยงไฮ้มีสัดส่วนมากกว่า 15% ของเงินรางวัลด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติเป็นเวลา 5 ปีติดต่อกัน ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เซี่ยงไฮ้มีสัดส่วนมากกว่า 20% ของรางวัลอันดับ 1 และนักวิจัยเซี่ยงไฮ้มีผลงานวิจัยและตีพิมพ์บทความมากกว่า 25% ในท็อป 3 วารสารวิชาการระดับนานาชาติ อันได้แก่ Nature Science และ Cell ที่คอวิทยาศาสตร์และอนาคตวิทยาต่างติดกันงอมแงม
และเพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถจัดหาผู้เชี่ยวชาญได้ดีขึ้น ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ นอกจากการ “ยกเครื่อง” สารพัดมาตรการดังกล่าวแล้ว เซี่ยงไฮ้ยังดำเนินกิจกรรมและโครงการพิเศษมากมายตามมา เช่น Pujiang Talent Program และ Super Postdoctoral Program
โปรแกรมพิเศษเหล่านี้ทำให้เซี่ยงไฮ้สามารถระดมผู้เชี่ยวชาญรุ่นใหม่ที่โดดเด่นได้มากและรวดเร็วขึ้น เจียง เสว่เฟิง นักเคมีในวัยย่าง 40 ปีซึ่งมีส่วนร่วมในการพัฒนายาต้านไวรัส นับเป็นหนึ่งในตัวอย่างคนที่มีพรสวรรค์ดังกล่าว
หลังจากจบการศึกษาระดับปริญญาเอกในต่างประเทศ เขาเลือกที่จะกลับไปเซี่ยงไฮ้และได้รับเลือกให้เป็นผู้เข้าร่วมโครงการ Pujiang Talent Program และหลังจากทํางานที่ East China Normal University มานานกว่า 3 ปี เขาก็ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการดาวรุ่ง ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อปลูกฝังความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแก่บุคลากรที่โดดเด่น
อีกแนวทางหนึ่งก็ได้แก่ การแต่งตั้งนักวิทยาศาสตร์และผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติให้เป็นทูตผู้มีความชำนาญพิเศษ และใช้ประโยชน์จากเวทีสำคัญต่างๆ เช่น World Laureates Forum, China International Import Expo, Pujiang Innovation Forum และ World Artificial Intelligence Conference
หนึ่งในเวทีสำคัญก็ได้แก่ การประชุมสุดยอดนวัตกรรมและการเป็นผู้ประกอบการความสามารถระดับโลก (Global Talents Innovation and Entrepreneurship Summit) ครั้งที่ 2 เมื่อปี 2022 ณ เซี่ยงไฮ้ ผู้จัดงานก๋ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญระดับโลก อาทิ Michael Levitt ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมีปี 2013 และผู้เชี่ยวชาญระดับสูงอื่นมากมายมาร่วมงาน ซึ่งเปิดโอกาสให้บุคลากรในจีนได้แลกเปลี่ยนมุมมองและความคิดเห็นเชิงลึกในวงกว้าง
นอกจากนี้ เซี่ยงไฮ้ยังได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน Shanghai Talent+ Summit โดยเมื่อเร็วๆ นี้ถือเป็นงานครั้งที่ 3 เพื่อขยายการจัดหางานและการฝึกอบรมผู้ประกอบการมือใหม่ และเพิ่มการสนับสนุนผู้ชำนาญการจากต่างประเทศในการทํานวัตกรรมและธุรกิจในเมือง

โดยในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดดังกล่าว รัฐบาลเซี่ยงไฮ้และกระทรวงศึกษาธิการแห่งชาติจีนได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อสร้างพื้นที่สาธิตบริการสําหรับการส่งคืนผู้มีความสามารถในต่างประเทศ และเพียงวันแรกของการจัดงานดังกล่าว เซี่ยงไฮ้ก็สามารถดึงดูดโครงการลงทุนจากต่างประเทศที่วางแผนไว้ได้มากกว่า 200 โครงการ
ในระหว่าง 4 วันของการประชุมดังกล่าว เซี่ยงไฮ้ยังได้เปิดตัวโครงการเพื่อตระหนักรู้ใบรับรองคุณสมบัติงานที่ออกในต่างประเทศและแผนบริการพิเศษสําหรับผู้มีความสามารถระดับโลกที่โดดเด่น
ภายในงานยังมีการจัดประกวดแข่งขันนวัตกรรมระดับโลกในหมู่ผู้ประกอบการจำนวนถึง 8,118 ทีมจากทั่วทุกมุมโลกที่คาดว่าจะนำไปสู่การลงทุนในมูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านหยวน โดยในชั้นนี้ มากกว่า 200 ทีมได้แสดงความต้องการเปิดธุรกิจในเซี่ยงไฮ้
การเข้าร่วมการแข่งขันนวัตกรรมระดับโลกดังกล่าวยังมีส่วนช่วยให้การพัฒนานวัดกรรมเกิดขึ้นได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะในระหว่างการแข่งขัน ผู้จัดงานยังพบว่า ผู้เข้าร่วมงานได้บรรลุข้อตกลงความร่วมมือกับผู้เข้าร่วมแข่งขันรายอื่นๆ
มองออกไปข้างหน้า เซี่ยงไฮ้ยังเตรียมเป็นผู้นําการพัฒนา “เด็กพรสวรรค์” ในระยะยาวอีกด้วย รายงานของสถาบันวิจัย Big Data ระบุว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เซี่ยงไฮ้นับว่ามีจำนวนผู้มีความสามารถเฉพาะทางสํารองมากที่สุดในประเทศ โดยคิดเป็นถึงกว่า 10% ของยอดรวมทั้งประเทศ
และหากมองตัวเลขย้อนหลัง 5 ปีก็พบว่า จํานวนผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดในเซี่ยงไฮ้เพิ่มขึ้นจากไม่ถึง 1 ล้านคนเป็นถึง 6.75 ล้านคน
เท่านั้นไม่พอ เซี่ยงไฮ้ก็ยังคงเดินหน้าดึงดูดผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณภาพสูงอยู่ต่อไป โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เซี่ยงไฮ้ได้เปิดตัวโปรแกรมพิเศษสําหรับการบ่มเพาะความสามารถใน 3 สาขาที่เกี่ยวข้อง ทำให้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเปิดหรือขยายงานของกิจการที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด สถานการณ์เช่นนี้ดูจะแตกต่างจากของไทยอยู่มาก

นอกจากนี้ เซี่ยงไฮ้ยังกําลังเตรียมกลุ่มอุตสาหกรรมในอนาคตอย่างแข็งขันเพื่อสนับสนุนให้คนหนุ่มสาวเริ่มต้นประกอบธุรกิจของตนเอง และยังหล่อเลี้ยงผู้เชี่ยวชาญในท้องถิ่นและสร้างระบบนิเวศน์เพื่อการเติบโตและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่ทรงคุณค่าเหล่านั้น
สำหรับไทย ปัญหาเรื่องการขาดแคลน “เด็กพรสวรรค์” ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ กำลังกลายเป็นหนึ่งในเรื่องใหญ่ที่ทำให้กิจการต่างชาติตัดสินใจชะลอหรืออาจยกเลิกการลงทุนในไทย
เราจึงควรเร่งให้ความสำคัญกับการผลิต พัฒนา และเสริมสร้างกลไกการดึงดูดทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง เป็นรูปธรรม และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาของเรา ...
ภาพจาก AFP
ที่มาข้อมูล : -

TNNThailand