บิตคอยน์ราคาขึ้น? หรือเรามีอำนาจซื้อที่ลดลง? วิเคราะห์โดย Zipmex

บิตคอยน์ราคาขึ้น? หรือเรามีอำนาจซื้อที่ลดลง? วิเคราะห์โดย Zipmex

สรุปข่าว

ธนาคารกลางหลายประเทศ ได้มีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง Covid-19 ที่ในหลายธุรกิจได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การอัดฉีดเม็ดเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มูลค่ากว่า 3,900 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 130,000 พันล้านบาท) นับว่าเป็นเม็ดเงินที่มีมูลค่ามหาศาลเมื่อเทียบกับการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา ทำให้นักวิชาการเริ่มกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ซึ่งอาจส่งผลต่ออำนาจซื้อของประชาชนและสภาพเศรษฐกิจโดยรวม

อำนาจซื้อ (Purchasing Power) หมายถึง ความสามารถในการซื้อสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ได้ ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออำนาจซื้อด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น กรณีการเพิ่มขึ้นของราคาของสินค้าและบริการ ทำให้มูลค่าของเงินที่เราใช้ในการซื้อสินค้าและบริการลดลง อาจกล่าวได้ว่า การที่ราคาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ในกรณีที่ปัจจัยต่าง ๆ คงที่ ทำให้อำนาจซื้อลดลง 

โดยเฉพาะกับกรณีที่เราเก็บเงินไว้เฉย ๆ และเงินเฟ้อยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั่นทำให้อำนาจซื้อของประชาชนอาจลดลง นักลงทุนจึงควรจัดพอร์ตการลงทุนให้ได้รับผลตอบแทนที่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งเป็นการกระจายสินทรัพย์ที่ลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นและเพิ่มโอกาสในการลงทุน  บิทคอยน์ราคาขึ้น? หรือเรามีอำนาจซื้อที่ลดลง? วิเคราะห์โดย Zipmex

        ภาพแสดงราคาบิทคอยน์ในช่วงปี 2017-2021 อ้างอิงจาก CoinMarketCap


ตัวอย่างเช่น การลงทุนในบิตคอยน์ ซึ่งบิตคอยน์ที่เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดในตลาดคริปโตฯ หากพิจารณาจากราคาของบิตคอยน์ในปี 2017 หรือในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า ราคาอยู่ประมาณ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และในปัจจุบัน ราคาบิตคอยน์ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาที่ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นผลตอบแทน 900% โดยประมาณ 

เปรียบเทียบอำนาจซื้อของบิตคอยน์ เมื่อเวลาเปลี่ยนแปลงไป

อีกหนึ่งคุณสมบัติของบิตคอยน์ คือ การใช้เพื่อเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ด้วยคุณสมบัติที่มีความปลอดภัย เนื่องจากยากต่อการเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่เกิดขึ้นบนบล็อกเชน 

นอกจากนั้น บิตคอยน์ยังมีจำนวนจำกัด มีเพียงแค่ 21 ล้านบิตคอยน์เท่านั้น ซึ่งหากนำเรื่องกฎของอุปสงค์และกฎของอุปทานในทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์มาอธิบาย อาจกล่าวได้ว่า ของที่มีอยู่อย่างจำกัด เมื่อมีความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น ราคาสินค้าอาจปรับตัวเพิ่มขึ้น

ด้วยความน่าสนใจของบิตคอยน์ทำให้นักลงทุนสถาบันและบริษัทชั้นนำหลายแห่ง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ให้ความสนใจเกี่ยวกับบิตคอยน์และเทคโนโลยีบล็อกเชนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจสะท้อนในราคาของบิตคอยน์ที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับราคาในอดีต

ถ้าตั้งสมมติฐานว่า ในปัจจุบัน เรามีอยู่ 1 บิตคอยน์ เราจะสามารถซื้อสมาร์ทโฟน รถยนต์หรือกระเป๋าแบรนด์เนมได้จำนวนกี่ชิ้น และอำนาจซื้อของการถือครองบิตคอยน์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร

บิทคอยน์ราคาขึ้น? หรือเรามีอำนาจซื้อที่ลดลง? วิเคราะห์โดย Zipmex

ภาพแสดงการเปรียบเทียบมูลค่าของบิทคอยน์


ยกตัวอย่างเช่น ในปี 2017 หากเรามี 1 บิตคอยน์ เราจะสามารถซื้อสมาร์ทโฟนได้จำนวน 5 เครื่อง แต่ในปี 2021 เราจะสามารถซื้อได้ 50 เครื่อง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิม 45 เครื่อง อาจกล่าวได้ว่า ราคาของบิตคอยน์ที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้อำนาจซื้อเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน 

นอกจากนั้น ไม่ได้เป็นเพียงสินค้าประเภทเดียว หากดูในสินค้าประเภทอื่น พบว่า อำนาจซื้อก็เพิ่มขึ้นด้วย ตัวอย่างเช่น ในปี 2021 สามารถซื้อรถยนต์ C-Segment ได้ 1 คัน หรือสามารถซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมได้ 10 ใบ 

อย่างไรก็ตาม การลงทุนไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์ประเภทไหน นอกจากโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนแล้ว ยังต้องคำถึงนึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น ดังนั้น จึงควรศึกษาข้อมูลของสินทรัพย์ที่ลงทุน เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน ซึ่งอาจพิจารณาถึงเรื่องการจัดสรรเงินลงทุนด้วย


กล่าวโดยสรุป หากเงินเฟ้อมีอัตราที่เพิ่มขึ้น การเก็บเงินไว้เฉย ๆ อาจส่งผลต่อมูลค่าของเงิน การเอาชนะเงินเฟ้อด้วยวิธีการจัดพอร์ตลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงของสินทรัพย์ อาจช่วยให้รักษามูลค่าของเงินในอนาคตไว้ได้


ที่มาข้อมูล : -

ที่มารูปภาพ :

avatar

TNNThailand