
สรุปข่าว
วันนี้ (8 ก.พ.65) เจ้าหน้าที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ คอนเนคทิคัต เดลาแวร์ แคลิฟอร์เนีย และโอเรกอน เปิดเผยว่า พวกเขาจะยกเลิกการบังคับสวมหน้ากากอนามัยในอาคารสำหรับโรงเรียน และสถานที่สาธารณะอื่นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อหาทางกลับไปสู่สภาวะปกติ
ขณะที่ การติดเชื้อโควิด-19 จากการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนเริ่มทุเลา ทำให้หลายรัฐเริ่มหาทางผ่อนคลายมาตรการ รวมถึงการยกเลิกบังคับสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งมี 4 รัฐ ประกาศวันดีเดย์ยุติการบังคับสวมหน้ากากอนามัยที่โรงเรียนแล้ว
ด้าน บรรดาแกนนำพรรครีพับลิกันในบางรัฐ รวมถึงฟลอริดา และเท็กซัส ห้ามบังคับสวมหน้ากากอนามัยในโรงเรียน โดยเฉพาะที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ลดลงในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ทำให้นายฟิล เมอร์ฟี ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์ ประกาศว่าทางการจะยกเลิกการบังคับสวมหน้ากากอนามัยที่โรงเรียนในวันที่ 7 มีนาคม
เช่นเดียวกับเน็ด ลามอนต์ ผู้ว่าการรัฐคอนเนคทิคัต ประกาศยกเลิกบังคับสวมหน้ากากอนามัยที่โรงเรียนในวันที่ 28 กุมภาพันธ์
ส่วนจอห์น คาร์นีย์ ผู้ว่าการรัฐเดลาแวร์ ประกาศยกเลิกบังคับเด็กนักเรียนสวมหน้ากากอนามัยที่โรงเรียนในวันที่ 31 มีนาคม โดยคาร์นีย์ ระบุว่า ไวรัสยังคงมีความเสี่ยงทำให้ป่วยหนัก โดยเฉพาะคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
ขณะที่ นายเกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า อัตราการติดเชื้อโควิดในรัฐลดลงร้อยละ 65 นับตั้งแต่โอมิครอนระบาดหนัก และภายใต้นโยบายล่าสุด จะยกเลิกการบังคับสวมหน้ากากอนามัยภายในอาคารสำหรับคนที่ฉีดวัคซีนแล้วเท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ยกเว้นสถานที่อย่างการขนส่งสาธารณะ โรงพยาบาล และสถานดูแลคนชรา ส่วนคนที่ไม่ฉีดวัคซีน จะยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัยต่อไป
ก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้พบนายเมอร์ฟี และผู้ว่าการรัฐต่างๆ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่ทำเนียบขาว ซึ่งผู้ว่าการรัฐเหล่านี้แสดงความปรารถนา ต้องการกลับไปสู่สภาวะปกติเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี หลังการระบาดของโควิด ทำให้โรงเรียนจำนวนมากต้องกลับไปเรียนทางออนไลน์
อย่างไรก็ตาม ดร.ลีนา เหวิน ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขแห่งมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ว่า "การยกเลิกบังคับสวมหน้ากากอนามัย เป็นก้าวที่ถูกต้อง"
ภาพจาก Reuters
ที่มาข้อมูล : -

TNNThailand