
สรุปข่าว
วันนี้ (26 เม.ย.63) ดร.พิไลลักษณ์ โอกาดะ นักเทคนิกการแพทย์ ชำนาญการพิเศษ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และหัวหน้าศูนย์ไข้หวัดใหญ่แห่งชาติ อธิบายว่า ผู้ป่วยโควิด-19 เกิดจากเชื้อไวรัส SASS-COV-2 โดยทางทีมวิจัย ได้ทำการถอดรหัสพันธุกรไวรัสโคโรนา2019 หรือ โควิด-19 ที่ระบาดในไทย ทั้งจีโนมของไวรัส และเก็บสิ่งตรวจจากผู้ป่วยภายในลำคอ และโพรงจมูก พบว่าส่วนใหญ่ผู้ป่วยติดเชื้อในไทย จัดอยู่ในประเภท กลุ่ม B คือเป็นชนิดสายพันธุ์ที่ระบาดนอกประเทศจีน
วิวัฒนาการของเชื้อไวรัสโคโรนาจากรหัสพันธุกรรมที่เกิดจากการกลายพันธุ์ แบ่งออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่

กลุ่ม A (Type A)
สายพันธุ์ที่คล้ายกับเชื้อไวรัสโคโรนาที่พบในค้างคาว และตัวนิ่ม ซึ่งคาดว่าเป็นเชื้อต้นกำเนิดของการระบาดในครั้งนี้ แต่ไม่พบเชื้อนี้ในประเทศไทย
กลุ่ม B ( Type B)
สายพันธุ์ที่เกิดการกลายพันธุ์ จากสายพันธุ์ A (2 ตำแหน่ง) พบมากในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน และมีการ ระบาดอย่างรวดเร็วนอกประเทศจีน ซึ่งประเทศไทยอยู่ในกลุ่มนี้
กลุ่ม C (Type C)
สายพันธุ์ที่เกิดการกลายพันธุ์จากสายพันธุ์ B (1 ตำแหน่ง) โดยพบการระบาดในยุโรปและสิงคโปร์

จากนั้นได้มีการวิเคราะห์เชิงลึก ถึงสายพันธุ์แต่ละตัวว่า มีความต่างกันในพันธุ์กรรมอย่างไร พบว่า ทั่วโลกมีการแบ่งการกลายพันธุ์เชื้อ เป็น 3 กลุ่ม คือ "สายพันธุ์ S" เป็นสายพันธุ์ ที่มาจากประเทศจีนในระยะแรก ถัดมา คือ "สายพันธุ์ G" และ "สายพันธุ์ V" ซึ่งเป็นสายพันธุ์จากฝั่ง ตะวันตก สายพันธุ์ส่วนใหญ่ในประเทศไทย อยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ S ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่สอดคล้องในจีน
ดร.พิไลลักษณ์ ยังระบุอีกว่า ธรรมชาติของเชื้อไวรัสมีการกลายพันธุ์ตลอดเวลา โดยในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน ว่าเชื้อที่กลายพันธุ์แต่ละกลุ่ม มีความรุนแรงแตกต่างกันหรือไม่ เช่น การระบาดของเชื้อมากในเดือนมีนาคมที่สนามมวยและสถานบันเทิงทองหล่อ พบว่า ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์เดียวกันคือ ชนิด S

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุเพิ่มเติมว่า ได้มีการศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่องสำหรับการการถอดรหัสพันธุ์กรรมของไวรัส หากเทียบกับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ที่มีการระบาดในประเทศไทยตามฤดูกาล จะพบว่า เชื้อไวรัสโคโรนา ขณะนี้ การกลายพันธุ์ค่อนข้างช้ากว่า
ส่วนความกังวลต่อการกลายพันธุ์ของเชื้อจะทำให้เชื้อรุนแรงมากขึ้นหรือไม่ หรือติดกันมากขึ้น ตอนนี้ยังไม่นัยสำคัญที่จะบ่งบอกว่าการกลายพันธุ์ของเชื้อมีความรุนแรงมากขึ้น
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมกับ ศิริราชพยาบาล สภากาชาดไทย อยู่ระหว่างการติดตามศึกษาวิจัย และพยายามถอดรหัสพันธุ์กรรมให้ได้มากที่สุดเพื่อติดตามความรุนแรงของโรคต่อไป.
เกาะติดข่าวที่นี่website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand
- โควิด NB.1.8.1 เป็นสายพันธุ์หลักในไทยแล้ว มีแนวโน้มมากขึ้น
- สถานการณ์โควิดป่วยสะสมพุ่ง 2.5 แสนราย สายพันธุ์ NB.1.8.1 ระบาดแรง
- “หมอยง” เปิดข้อมูลโควิดสายพันธุ์ล่าสุดที่พบในกทม. ติดต่อง่าย แพร่กระจายเร็ว
- โควิดระบาด! รมว.สธ. เผยส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ XEC ติดง่าย แต่หายไว
- เปิดเทอม! กรมการแพทย์แนะเฝ้าระวังห่วงเด็กเสี่ยงได้รับเชื้อโควิดเพิ่มขึ้น
- เตือน! เดือนพ.ค. สถานการณ์โควิดจะระบาดสูงสุด ก่อนตามด้วยโรคไข้หวัดใหญ่
- หน้ากากอนามัยไม่ขาดแคลน! เตือนคนขายฉวยโอกาสขึ้นราคา โทษหนัก
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand
