
สรุปข่าว
วันนี้ (17 ธ.ค. 64) ทีมนักวิจัยของคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยฮ่องกงเปิดเผยผลการวิจัยครั้งล่าสุดว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนสามารถเพิ่มจำนวน (Replication) ในทางเดินหายใจได้เร็วกว่าสายพันธุ์เดลตาถึง 70 เท่า อย่างไรก็ดี ผลวิจัยบ่งชี้ว่า ไวรัสโอมิครอนทำให้การติดเชื้อในปอดมีอาการรุนแรงน้อยกว่าเมื่อเทียบกับไวรัสเดลตา
โดย ดร.ไมเคิล ชาน ชี-เหว่ย และทีมวิจัยพบว่า เพียง 24 ชั่วโมงหลังจากติดเชื้อ ไวรัสโอมิครอนสามารถเพิ่มจำนวนในหลอดลมที่เชื่อมต่อกับปอดได้รวดเร็วกว่าไวรัสเดลตาถึง 70 เท่า แต่เพิ่มจำนวนในเนื้อเยื่อปอดได้ช้ากว่าไวรัสเดลตาประมาณ 10 เท่า
ผลการศึกษาระบุว่า การที่ไวรัสโอมิครอนสามารถเพิ่มจำนวนในทางเดินหายใจได้อย่างรวดเร็วนั้น อาจนำไปสู่การอธิบายได้ว่าเพราะเหตุใดไวรัสสายพันธุ์นี้จึงสามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ ที่พบก่อนหน้านี้ แต่การติดเชื้อในปอดที่ระดับที่ต่ำกว่านั้น อาจบ่งชี้ว่า ไวรัสโอมิครอนก่อให้เกิดโรคที่มีอาการรุนแรงน้อยกว่า
ทั้งนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องทราบว่า ความรุนแรงของโรคในมนุษย์นั้น ไม่ได้ถูกกำหนดด้วยการเพิ่มจำนวนของไวรัสเท่านั้น แต่ยังถูกกำหนดโดยการตอบสนองด้านภูมิคุ้มกันของผู้ติดเชื้อ
นอกจากนี้ ดร.ชานระบุว่า ไวรัสที่มีการแพร่ระบาดสูง เช่นไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนนั้น อาจเป็นสาเหตุของโรคที่มีอาการรุนแรงและการเสียชีวิต เนื่องจากมีการแพร่ระบาดได้รวดเร็วมาก แม้การติดเชื้อในปอดดูเหมือนจะไม่รุนแรงก็ตาม
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ผลการวิจัยดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนการทบทวนจากสถาบันอื่น ๆ ซึ่งตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว นักวิจัยจะทำการเผยแพร่ผลวิจัยก่อนที่การทบทวนของสถาบันอื่น ๆ จะเสร็จสิ้น เนื่องจากเรื่องของโรคระบาดถือเป็นกรณีเร่งด่วน
ภาพจาก รอยเตอร์/AFP
- โควิด NB.1.8.1 เป็นสายพันธุ์หลักในไทยแล้ว มีแนวโน้มมากขึ้น
- วัคซีนโควิด-19 ไม่ถูกถอดจากรายชื่อวัคซีนแนะนำในสหรัฐฯ
- โควิด-19 ระบาดหลายภูมิภาค! "สายพันธุ์ NB.1.8.1" แพร่กระจายเร็ว อย่าชะล่าใจ
- กรมวิทย์ฯ คาดโควิดสายพันธุ์ NB.1.8.1 กลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในประเทศไทยและทั่วโลก
- “หมอยง” เปิดข้อมูลโควิดสายพันธุ์ล่าสุดที่พบในกทม. ติดต่อง่าย แพร่กระจายเร็ว
- โควิดระบาด! ยอดป่วยพุ่งต่อเนื่อง สะสม 211,717 ราย ยังเป็นสายพันธุ์ JN.1
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand
