สรุปข่าว
"ปริศนาฆาตกรรม 6 ศพชาวเวียดนามที่พบในโรงแรมกรุงเทพฯ กับปมขัดแย้งหนี้สินจากการลงทุน"
เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2567 พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้แถลงข่าวถึงเหตุการณ์สะเทือนขวัญในวงการท่องเที่ยวไทย กรณีพบศพชาวเวียดนาม 6 รายในโรงแรมระดับ 5 ดาว ย่านราชประสงค์ ใจกลางกรุงเทพฯ โดย 2 ในนั้นยังถือสัญชาติอเมริกันด้วย หนึ่งในผู้เสียชีวิตคือ "ฟู เกีย เกีย" ช่างแต่งหน้าชื่อดังของเวียดนาม เบื้องต้นตำรวจเชื่อว่าเกิดจากปัญหาความขัดแย้งในเรื่องหนี้สินจากการชักชวนไปลงทุนร่วมกัน
ลำดับเหตุการณ์
จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ โดย พล.ต.ต.นพศิลป์ เปิดเผยว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 6 คนเดินทางเข้ามาพักในโรงแรมดังกล่าวในวันที่ 13-14 ก.ค. โดยจองห้องพักรวม 5 ห้อง แต่พบศพ 6 ราย เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ซึ่งเป็นกำหนดเช็คเอาต์ โดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ระบุว่าตรวจพบสารพิษไซยาไนด์ในกระติกน้ำชา และร่องรอยชากาแฟในแก้ว 6 ใบที่ห้องที่เกิดเหตุ แม้ไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือหนีตาย ตำรวจจึงเชื่อว่าพิษในน้ำชาออกฤทธิ์รวดเร็วมาก
สาเหตุที่น่าจะเป็น
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่าแม้ในเบื้องต้นยังมีหลายจุดปริศนา ทั้งเรื่องจำนวนผู้เข้าพักและผู้เสียชีวิตที่ไม่ตรงกัน และไม่มีใครเข้าออกห้องนอกจาก 6 คนนี้ แต่ตำรวจได้พบประเด็นสำคัญจากการสอบปากคำญาติและตรวจหลักฐานต่างๆ คือปัญหาหนี้สินจากการชักชวนไปลงทุนที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะระหว่างนางสาว "เชอรีน ชอง" ผู้เสียชีวิตคนหนึ่งที่ถือสัญชาติอเมริกัน กับสามีภรรยาชาวเวียดนาม ที่ถูกชักชวนผ่านนายหน้าให้ไปร่วมลงทุนสร้างโรงพยาบาลในญี่ปุ่น ด้วยมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท แต่เมื่อไม่เห็นความคืบหน้า จึงมีการทวงถามมาตลอด จนนัดมาเคลียร์เรื่องนี้ที่ไทย
ความพยายามไขปริศนา
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังสืบสวนสอบสวนโดยละเอียด ทั้งการเก็บหลักฐานจากที่เกิดเหตุ การสอบปากคำพยานกว่า 10 ปาก และการตรวจวัตถุพยานเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของโศกนาฏกรรมในครั้งนี้ โดยมีทีมนักสืบ FBI จากสหรัฐฯ เข้ามาร่วมสืบสวนด้วย เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตที่ถือสัญชาติอเมริกัน 2 ราย โดยได้ร่วมแบ่งปันข้อมูลที่ได้ ซึ่ง พล.ต.ต.นพศิลป์ ระบุว่า ตำรวจเชื่อว่า 1 ใน 6 คนนี้เป็นผู้ลงมือ ขณะที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ บอกว่ายังต้องสืบสวนต่อไปว่าสารพิษมาจากไหน
จุดเชื่อมโยง
นอกจากความสัมพันธ์ของคู่กรณีหลักที่มีปัญหาหนี้สินกันแล้ว พล.ต.ต.นพศิลป์ เผยว่าตำรวจยังพบว่า ผู้เสียชีวิตหมายเลข 3 และ 4 ก็ถูกนางสาวเชอรีน ชอง ชักชวนมาที่ไทยในครั้งนี้ด้วย แม้ยังไม่พบว่าทั้งสองให้เงินลงทุนแต่อย่างใด แต่คาดว่าอาจจะเป็นการชักชวนเพื่อขอให้ร่วมลงทุนเช่นกัน ซึ่งโยงใยทำให้ทั้ง 6 คนมีนัดมาเจอกัน ขณะที่ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ระบุว่าประเด็นอื่นๆ เช่นเรื่องการฟ้องร้องที่ดินของผู้เสียชีวิต ก็เชื่อว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับกรณีนี้
ภาพ TNN
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand