
สรุปข่าว
มีข้อมูลจากการสำรวจของดาวเทียมสหรัฐเผยว่า ภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลให้ น้ำแข็งในอาร์กติกละลายหายไปอย่างรวดเร็ว โดยนักวิจัยพบว่า ตั้งแต่ปี 2562-2564 หรือ 3 ปีที่ผ่านมา น้ำแข็งชนิด multiyear ในอาร์กติก บางลง 50 เซนติเมตร หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 16% สำหรับน้ำแข็ง multiyear หรือ multiyear sea ice เป็นน้ำแข็งในทะเลชนิดหนึ่ง หนาประมาณ 2 - 4 เมตร เป็นน้ำแข็งที่มีความทนทานต่อการละลาย นอกจากนี้นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ในสหรัฐบอกว่า ตอนนี้สิ่งที่น่าตกใจคือ ปริมาตรของน้ำแข็งอาร์กติกในช่วงฤดูหนาวลดลงไปถึง 1 ใน 3 หรือประมาณ 6,000 ลูกบาศก์กิโลเมตร ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 18 ปี นั่นหมายถึง โลกของเราได้สูญเสียน้ำแข็งในอาร์กติก ที่มีความหนาและเก่าแก่มาก ๆไปแล้ว ซึ่งการที่น้ำแข็งลดลงไปเยอะขนาดนี้ เป็นเรื่องที่น่ากังวลเพราะ จะส่งผลต่อระบบนิเวศ ผ่านการเปลี่ยนแปลงกระแสน้ำในทะเล ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้น และอาจทำให้สภาพภูมิอากาศแปรปรวน และรุนแรงมากกขึ้นกว่าเดิม มีการคาดการณ์ด้วยว่าภายในศตวรรษนี้ อาร์กติกจะไม่มีน้ำแข็งเหลืออยู่ในช่วงหน้าร้อน เนื่องจากน้ำแข็งอาจจะละลายหายไปหมด นักวิทยาศาสตร์ที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ก็เพื่อเตือนให้ประชากรทั่วโลกตื่นตัว และหันมาใส่ใจเรื่องของโลกร้อนให้มากขึ้น ไม่อย่างนั้น อีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า ทั่วโลกอาจเจอกับภัยพิบัติที่บ่อยขึ้น รุนแรงขึ้น และไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป
- โลกร้อนไม่ใช่ภัยเงียบ ธารน้ำแข็งทั่วโลกกำลังหายไป เข้าใกล้จุดวิกฤตอย่างไม่มีวันย้อนกลับ
- โลกเจอคลื่นความร้อน เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30 วันต่อปี จะมากกว่านี้หากไม่ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
- ธารน้ำแข็งเทือกเขาแอลป์ถล่ม สร้างความกังวลใหม่ เสี่ยงน้ำท่วมหมู่บ้านใกล้เคียง
- โลกจะร้อนทุบสถิติใน 5 ปี อุตุฯโลกชี้ภัยธรรมชาติเพิ่มแน่ ทั้งไฟป่า น้ำท่วม ภัยแล้งรุนแรง
- อิฐรีไซเคิลลดคาร์บอน นวัตกรรมสีเขียวสู้โลกร้อน ถึงแพงกว่าแต่คุ้มที่จะจ่าย
- โลกร้อนหยุดไม่อยู่! ทุกองศามีความหมาย
- เมื่อมหาสมุทรกำลังมืดลง สัญญาณเตือนวิกฤตใหม่ของโลก
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand