
สรุปข่าว
โอโซนนั้นประกอบด้วย ออกซิเจน 3 อะตอม เป็นก๊าซสีฟ้าจางๆ มีกลิ่นฉุน เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจหากสูดเข้าไปในปริมาณมาก ทั่วไปเราจะใช้โอโซนในการทำความสะอาดฆ่าเชื้อในอากาศ กำจัดกลิ่นตามอาคาร หรือในรถ แต่สำหรับโอโซนในชั้นบรรยากาศระดับสตราโตสเฟียร์นั้นจะช่วยในการกรองรังสีอัลตราไวโอเลต หรือรังสี UV ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตบนโลก หากร่างกายมนุษย์ได้รับรังสีนี้มากเกินไป ก็จะก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ ซึ่งนับตั้งแต่ปีค.ศ.1971 เป็นต้นมา ชั้นโอโซนในชั้นบรรยากาศได้ถูกทำลายไปมากจากการกระทำของมนุษย์เรานั่นเอง หลัก ๆ คือการใช้สาร CFC ในเครื่องปรับอากาศ หรือ ตู้เย็น และจาก ก๊าซไนตรัสออกไซด์ ซึ่งเกิดจาก เช่น การเผาไหม้เชิงเพลิงของรถยนต์ เครื่องบิน รวมถึงการผลิตไฟฟ้า โดยบริเวณที่เกิดการลดลงของชั้นโอโซนมากที่สุด คือ พื้นที่บริเวณขั้วโลกใต้ รวมถึงประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ แต่หลังจากที่นานาประเทศได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ นับตั้งแต่ปี 1987 จึงได้ร่วมมือกันลงนามพิธีสารมอนทรีออล เพื่อลดและเลิกการใช้สารทำลายโอโซน หลังจากนั้นเป็นต้นมา ปริมาณโอโซนก็กลับมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และล่าสุดทาง UN เผยว่าช่องโหว่ชั้นโอโซนบริเวณขั้วโลกกำลังฟื้นตัวดีขึ้น มีขนาดเล็กลง และอาจปิดตัวในไม่กี่ปีข้างหน้า ถือเป็นสัญญาณดีที่แสดงให้เห็นว่า ถ้าทั่วโลกให้ความสำคัญกับการลดปริมาณสาร CFC และก๊าซไนตรัสออกไซด์ต่อไป คาดว่าในปี 2066 โอโซนในชั้นบรรยากาศก็จะกลับมาสมบูรณ์ได้อีกครั้งหนึ่ง
- ข่าวดี “ชั้นโอโซน” ฟื้นตัวต่อเนื่อง คาดกลับมาสมบูรณ์ในอีก 40 ปี
- “โอโซน” โล่สำคัญป้องกันโลกจากรังสีดวงอาทิตย์
- บรรยากาศพิธีรดน้ำศพ ผู้กำกับดัง "เฉลิม วงศ์พิมพ์" ผู้คนแวดวงหนังร่วมอาลัย
- บรรยากาศพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ "ไวพจน์ เพชรสุพรรณ"
- ชื่นชม! นาข้าวสวยที่สุดของประเทศ-ฟอกปอดสูดโอโซน
- เพิ่มโอโซนง่ายๆได้ที่บ้าน 'วันโอโซนโลก World Ozone Day'
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand