
สรุปข่าว
ภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศส่งผลกระทบต่อธารน้ำแข็งทั่วโลก มีงานวิจัยที่เผยแพร่ผ่านวารสาร Science เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ธารน้ำแข็งเกือบครึ่งหนึ่งของโลกจะหายไปภายในปี 2100 นักวิจัยคาดว่า อุณหภูมิเฉลี่ยโลกจะสูงขึ้นราว 2.7 องศาเซลเซียสภายในปี 2100 ซึ่งจะส่งผลให้ธารน้ำแข็งร้อยละ 49 ของธารน้ำแข็ง 215,000 แห่งทั่วโลก โดยเฉพาะธารน้ำแข็งที่มีขนาดเล็กจะหายไป ขณะเดียวกันหากอุณหภูมิโลกสูงขึ้น 4.0 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ร้อยละ 83 ของธารน้ำแข็งจะหายไปภายในปี 2100 และยังส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น อาจทำให้เกิดน้ำท่วมได้ในหลายพื้นที่ทั่วโลก มีการคาดการณ์ว่าหากอุณหภูมิโลกสูงขึ้นแตะ 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 1.15 องศาเซลเซียส จะทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 9 เซนติเมตร ในขณะที่อุณหภูมิที่สูงขึ้น 4.0 องศาเซลเซียสจะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 15 เซนติเมตร ผลที่ตามมาจากการละลายของธารน้ำแข็ง เช่นเกิดคลื่นพายุซัดฝั่ง พายุรุนแรงทั่วโลกและการลดลงของทรัพยากรน้ำซึ่งกระทบแก่ประชากรราวสองพันล้านคนทั่วโลก แต่หากทั่วโลกช่วยกันควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงขึ้นไปมากกว่านี้ก็จะสามารถช่วยรักษาธารน้ำแข็งส่วนอื่นๆ ของโลกไว้ได้ ดังนั้นจึงมีคำเตือนเรื่อยๆจากนักวิทยาศาสตร์ให้ทั่วโลกช่วยกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อจะได้ลดการสูญเสียที่จะเกิดขึ้น
- โลกร้อนไม่ใช่ภัยเงียบ ธารน้ำแข็งทั่วโลกกำลังหายไป เข้าใกล้จุดวิกฤตอย่างไม่มีวันย้อนกลับ
- โลกเจอคลื่นความร้อน เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30 วันต่อปี จะมากกว่านี้หากไม่ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
- ธารน้ำแข็งเทือกเขาแอลป์ถล่ม สร้างความกังวลใหม่ เสี่ยงน้ำท่วมหมู่บ้านใกล้เคียง
- โลกจะร้อนทุบสถิติใน 5 ปี อุตุฯโลกชี้ภัยธรรมชาติเพิ่มแน่ ทั้งไฟป่า น้ำท่วม ภัยแล้งรุนแรง
- อิฐรีไซเคิลลดคาร์บอน นวัตกรรมสีเขียวสู้โลกร้อน ถึงแพงกว่าแต่คุ้มที่จะจ่าย
- โลกร้อนหยุดไม่อยู่! ทุกองศามีความหมาย
- เมื่อมหาสมุทรกำลังมืดลง สัญญาณเตือนวิกฤตใหม่ของโลก
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand