
สรุปข่าว
มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร PLOS Biology เปิดเผยผลการศึกษาที่น่ากังวลว่า พืชและสัตว์ถึง 65% ในแอนตาร์กติกา อาจตายหมดภายในสิ้นศตวรรษนี้ หากทั่วโลกยังคงปล่อยก๊าซเรือนกระจกและใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างต่อเนื่อง นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นทำให้ธารน้ำแข็งในทะเลละลายหายไปเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำในกลุ่มนกทะเลหลายชนิด รวมถึงเพนกวินจักรพรรดิ ซึ่งต้องใช้แผ่นน้ำแข็งเพื่อเลี้ยงดูลูกๆ ของพวกมันในช่วงเดือนเมษายน-ธันวาคมของทุกปี หากน้ำแข็งละลายเร็วขึ้นหรือแข็งตัวช้าลง ก็อาจกระทบต่อวงจรการสืบพันธุ์ของเพนกวินได้ ศูนย์ข้อมูลหิมะและน้ำแข็งแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ปี 2022 พื้นที่น้ำแข็งในมหาสมุทรใต้ ซึ่งเป็นผืนน้ำที่ล้อมรอบทวีปแอนตาร์กติกา ลดลงต่ำกว่า 2 ล้านตารางกิโลเมตรเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปี การละลายของแผ่นน้ำแข็งในแอนตาร์กติกาอาจทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นหลายเมตร มีการคาดการณ์ว่า ระดับน้ำทะเลทั่วโลกอาจสูงขึ้นประมาณ 1-3 เมตรภายในปี 2300 และ 2-5 เมตรภายในปี 2500 ซึ่งข้อมูลเหล่านี้นับว่าเป็นสิ่งที่บรรดานักวิทยาศาตร์รู้สึกกังวลมาก หลายเมืองอาจจะจมอยู่ใต้น้ำในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทั่วโลกค่อนข้างชัดเจนแล้ว ถ้าไม่ช่วยกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การละลายของน้ำแข็งจะยิ่งรุนแรงและบ่อยครั้งขึ้น
- โลกร้อนไม่ใช่ภัยเงียบ ธารน้ำแข็งทั่วโลกกำลังหายไป เข้าใกล้จุดวิกฤตอย่างไม่มีวันย้อนกลับ
- โลกเจอคลื่นความร้อน เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30 วันต่อปี จะมากกว่านี้หากไม่ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
- ธารน้ำแข็งเทือกเขาแอลป์ถล่ม สร้างความกังวลใหม่ เสี่ยงน้ำท่วมหมู่บ้านใกล้เคียง
- โลกจะร้อนทุบสถิติใน 5 ปี อุตุฯโลกชี้ภัยธรรมชาติเพิ่มแน่ ทั้งไฟป่า น้ำท่วม ภัยแล้งรุนแรง
- อิฐรีไซเคิลลดคาร์บอน นวัตกรรมสีเขียวสู้โลกร้อน ถึงแพงกว่าแต่คุ้มที่จะจ่าย
- โลกร้อนหยุดไม่อยู่! ทุกองศามีความหมาย
- เมื่อมหาสมุทรกำลังมืดลง สัญญาณเตือนวิกฤตใหม่ของโลก
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand