ลุ่มเจ้าพระยาแล้งหนัก! “เขื่อนป่าสัก” เหลือน้ำแค่ 15%

สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ภาคกลางเริ่มทวีความรุนแรง เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งเป็น 1 ใน 4 เขื่อนหลัก ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ตอนนี้เหลือน้ำอยู่เพียงร้อยละ 15 ต้องให้ขอเกษตรกรชะลอการเพาะปลูก จนกว่ากรมอุตุวิทยาจะประกาศเข้าสู่ฤดูฝน 

นายชูพงศ์ อิศรัตน์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี เปิดเผยว่า เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ถือเป็น 1 ใน 4 เขื่อนหลัก ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา จากสถานการณ์ภัยแล้งฝนตกน้อย ฝนทิ้งช่วง ทำให้หลายพื้นที่ต้องประสบภัยแล้ง ได้ส่งผลทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ลดลงไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเที่ยบกับปี 2566 ที่ผ่านมา 

โดยปัจจุบันเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำเหลืออยู่เพียงประมาณ 148.40 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือประมาณร้อยละ 15 ของความจุ โดยเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยังคงบริหารจัดการน้ำที่เหลืออยู่ในขณะนี้ ตามแผนที่กรมชลประทานกำหนด ซึ่งจะมีการปรับลดการระบายน้ำ จากเดิมวันละ 3.4 ล้านลูกบาศก์เมตร ให้เหลือเพียงวันละ 1.3 ล้านลูกบาศก์เมตร ในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะทำให้มีน้ำเพียงพอใช้ไปได้อีก 3-4 เดือน

ทั้งนี้ สาเหตุที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยังต้องการระบาย เพื่อเป็นการรักษาระบบนิเวศน์ เพื่อการอุปโภคบริโภค และบางส่วนเป็นการผลักดันน้ำเค็ม และยังคงต้องขอความร่วมมือประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกรช่วยกันประหยัดน้ำ และปลูกพื้นที่ใช้น้ำน้อย ส่วนพืชหลังที่ต้องใช้น้ำในปริมาณมาก ต้องขอให้เกษตรกรชะลอการเพาะปลูกไว้ก่อน รอจนกว่ากรมอุตุวิทยาจะประกาศเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ เพื่อเก็บน้ำไว้สำหรับอุปโภค บริโภค และเพื่อความเสี่ยง ต่อความเสียหาย ในพื้นที่การเกษตรที่จะขาดน้ำ และส่งผลเสียต่อผลผลิตทางการเกษตร

ทั้งนี้ กรมชลประทาน จะติดตามสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ต่างๆ อย่างใกล้ชิด พร้อมสนับสนุนเครื่องจักร เครื่องมือ เข้าไปช่วยเหลือประชาชน จนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติหรือมีฝนตกชุกตามฤดูกาล หากพี่น้องประชาชนต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อโครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือสายด่วน กรมชลประทาน 1460