รู้ทัน “พายุฤดูร้อน” เกิดอย่างไร? รับมือแบบไหน?

ช่วงนี้ประเทศไทยเผชิญพายุฤดูร้อนบ่อยครั้ง ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างจำนวนมาก พายุฤดูร้อน (Summer Storm) มักเกิดในเดือนเมษายนหรือก่อนเข้าสู่ฤดูฝน โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อนอบอ้าวและมีความชื้นในอากาศสูง พื้นที่ใกล้เส้นศูนย์สูตรมักได้รับผลกระทบมาก เนื่องจากแสงอาทิตย์ที่ส่องแรงทำให้เกิดหย่อมความกดอากาศต่ำและอากาศร้อนชื้นลอยตัวสูงขึ้นจนกลายเป็นเมฆคิวมูโลนิมบัส ซึ่งเป็นเมฆที่ก่อให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง

 

หากมีมวลอากาศเย็นจากแผ่นดินใหญ่เคลื่อนตัวลงมาปะทะกับมวลอากาศร้อนที่ลอยตัวขึ้น จะเกิดการหมุนเวียนอย่างรุนแรงในแนวดิ่ง จนนำไปสู่พายุฤดูร้อนที่มาพร้อมลมกระโชกแรง ฟ้าผ่า และฝนตกหนักในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่เกิน 1 ชั่วโมง

รู้ทัน “พายุฤดูร้อน” เกิดอย่างไร? รับมือแบบไหน?

สรุปข่าว

พายุฤดูร้อนมักเกิดช่วงเมษายนในวันที่อากาศร้อนชื้น เมื่ออากาศเย็นปะทะกับอากาศร้อนจะเกิดลมแรง ฝนตกหนัก และฟ้าผ่าในเวลาสั้นๆ การรับมือคือเตรียมพร้อมล่วงหน้า อยู่ในที่ปลอดภัยขณะเกิดพายุ และติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด พายุแม้จะสั้นแต่สร้างความเสียหายรุนแรงจึงไม่ควรมองข้าม

วิธีปฏิบัติตัวเมื่อเกิดพายุฤดูร้อน


ก่อนพายุมา

  • ติดตามข่าวสารจากกรมอุตุนิยมวิทยา หากอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ควรเตรียมกระเป๋าฉุกเฉินไว้
  • หลีกเลี่ยงพื้นที่สูง เช่น ยอดเขา เสาไฟฟ้า หรือที่โล่งแจ้ง


ขณะเกิดพายุ

  • หาที่หลบภัยในอาคารที่ปิดมิดชิด ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด
  • หากอยู่กลางแจ้ง ให้หาที่ต่ำ หมอบลงโดยใช้ปลายเท้าทรงตัว ห้ามนอนราบกับพื้น
  • อยู่ให้ห่างจากวัตถุที่สามารถนำไฟฟ้า เช่น รั้วลวด สายไฟ และผนังคอนกรีต


หลังพายุผ่านไป

  • อย่าเพิ่งออกนอกอาคาร จนกว่าจะผ่านไปอย่างน้อย 30 นาทีหลังเสียงฟ้าร้องสุดท้าย
  • ติดตามพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด และหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งหากมีพายุฟ้าคะนองคาดการณ์ไว้


พายุฤดูร้อนแม้จะเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้น แต่สามารถสร้างความเสียหายได้รุนแรง การรู้เท่าทันและเตรียมตัวให้พร้อมคือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด

ที่มาข้อมูล : TNN EARTH

ที่มารูปภาพ : Reuters