
นายเกรียงไกร เพาะเจริญ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. ของวันที่ 5 พ.ค.68 เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้รับแจ้งเหตุจากผู้ประกอบการเรือดำน้ำลึก "ดีพ อันดามัน ควีน" ว่า ขณะนักท่องเที่ยวกำลังดำน้ำบริเวณกองหินริเชลิว ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ได้พบ ฉลามวาฬตัวเต็มวัย ขนาดความยาวประมาณ 6-7 เมตร โดยมี เครื่องมือประมงเก่า เช่น เศษเชือกหรืออวนเก่า พันติดอยู่บริเวณส่วนหาง ของสัตว์ทะเลหายากชนิดนี้
ภายหลังรับแจ้ง อุทยานฯ ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการดำน้ำลงพื้นที่ทันทีเพื่อดำเนินภารกิจค้นหาและช่วยเหลือฉลามวาฬโดยเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจาก สภาพน้ำทะเลขุ่น ทัศนวิสัยใต้น้ำต่ำเพียง 5-10 เมตร ทำให้ยังไม่สามารถพบตัวฉลามวาฬได้
สรุปข่าว
นายเกรียงไกร เพาะเจริญ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. ของวันที่ 5 พ.ค.68 เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้รับแจ้งเหตุจากผู้ประกอบการเรือดำน้ำลึก "ดีพ อันดามัน ควีน" ว่า ขณะนักท่องเที่ยวกำลังดำน้ำบริเวณกองหินริเชลิว ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ได้พบ ฉลามวาฬตัวเต็มวัย ขนาดความยาวประมาณ 6-7 เมตร โดยมี เครื่องมือประมงเก่า เช่น เศษเชือกหรืออวนเก่า พันติดอยู่บริเวณส่วนหาง ของสัตว์ทะเลหายากชนิดนี้
ภายหลังรับแจ้ง อุทยานฯ ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการดำน้ำลงพื้นที่ทันทีเพื่อดำเนินภารกิจค้นหาและช่วยเหลือฉลามวาฬโดยเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจาก สภาพน้ำทะเลขุ่น ทัศนวิสัยใต้น้ำต่ำเพียง 5-10 เมตร ทำให้ยังไม่สามารถพบตัวฉลามวาฬได้
จากการสอบถามผู้ควบคุมนักดำน้ำลึกประจำเรือ ทราบว่า พบเห็นฉลามวาฬตัวดังกล่าวถึง 2 ครั้ง ทั้งในช่วงเช้าและบ่าย แม้จะอยู่ในระยะไกลก็ตาม อุทยานฯ จึงได้ประกาศประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ประกอบการเรือดำน้ำลึกทุกลำที่ลอยลำอยู่ในบริเวณกองหินริเชลิว ให้ รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันทีหากพบฉลามวาฬ เพื่อให้สามารถดำเนินการช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที พร้อมขอความร่วมมือให้ผู้ควบคุมการดำน้ำแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวให้ เว้นระยะห่างและไม่เข้าใกล้ฉลามวาฬมากเกินไป เพื่อความปลอดภัยของทั้งนักดำน้ำและสัตว์ทะเล
ขณะเดียวกัน อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ได้ประสานความร่วมมือกับหลายหน่วยงาน ได้แก่ศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากสิรีธาร กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ศูนย์อนุรักษ์อุทยานใต้ทะเลจุฬาภรณ์ และศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 2 (ภูเก็ต)
โดยได้ร่วมกันวาง แผนปฏิบัติการช่วยเหลือฉลามวาฬ แบ่งทีมปฏิบัติงานออกเป็น 3 ทีมหลัก ได้แก่
- ทีมปลดเชือก ทำหน้าที่ตัดเศษเชือกหรืออวนออกจากตัวฉลามวาฬอย่างระมัดระวัง
- ทีมควบคุมทิศทางสัตว์ เพื่อประคองทิศทางการเคลื่อนไหวของฉลามวาฬไม่ให้ตื่นตกใจ
- ทีมเฝ้าระวังผู้ปฏิบัติงาน เพื่อดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และนักดำน้ำตลอดภารกิจ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมประสานทุกภาคส่วนเพื่อให้ภารกิจช่วยชีวิตฉลามวาฬครั้งนี้ เป็นไปอย่างปลอดภัยและประสบผลสำเร็จสูงสุด
ที่มาข้อมูล : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
ที่มารูปภาพ : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช