
ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเตือนภัยเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนทำให้ฟ้าผ่าบ่อยขึ้น
ในช่วงนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับพายุฤดูร้อนที่มาพร้อมกับฝนฟ้าคะนองและเหตุการณ์ฟ้าผ่าที่เกิดขึ้นบ่อยขึ้นในหลายพื้นที่ โดยสาเหตุสำคัญเกิดจากภาวะโลกร้อนที่ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น ความชื้นในอากาศเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เมฆคิวมูโลนิมบัส ซึ่งเป็นเมฆที่มีลักษณะสูงใหญ่และมักก่อให้เกิดฝนฟ้าคะนอง ก่อตัวได้ง่ายขึ้น เป็นสาเหตุของฟ้าร้อง ฟ้าแลบ และฟ้าผ่าที่เกิดขึ้นถี่ขึ้นตามไปด้วย
ฟ้าผ่าคือปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของประจุไฟฟ้าภายในเมฆหรือระหว่างเมฆกับพื้นดิน เมฆคิวมูโลนิมบัสเป็นเมฆที่มีการสะสมไอน้ำจำนวนมากและเกิดความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างส่วนบนและส่วนล่างของเมฆ ประจุบวกจะสะสมอยู่ด้านบน ขณะที่ประจุลบจะอยู่ด้านล่าง เมื่อประจุไฟฟ้าเหล่านี้เคลื่อนที่ จะเกิดแสงสว่างที่เรียกว่าฟ้าแลบ และเมื่อความร้อนจากการเคลื่อนที่ทำให้อากาศขยายตัวอย่างรวดเร็ว จะเกิดเสียงดังที่เรียกว่าฟ้าร้อง
ฟ้าผ่ามีสองประเภทหลัก คือ ฟ้าผ่าแบบลบ ซึ่งผ่าจากฐานเมฆลงสู่พื้นดิน และฟ้าผ่าแบบบวก ซึ่งผ่าจากยอดเมฆลงสู่พื้นดิน ฟ้าผ่าแบบบวกมีความรุนแรงและอาจผ่าลงในระยะไกลจากเมฆได้ถึง 40 กิโลเมตร แม้ฝนจะหยุดแล้วก็ตาม จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
สรุปข่าว
ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเตือนภัยเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนทำให้ฟ้าผ่าบ่อยขึ้น
ในช่วงนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับพายุฤดูร้อนที่มาพร้อมกับฝนฟ้าคะนองและเหตุการณ์ฟ้าผ่าที่เกิดขึ้นบ่อยขึ้นในหลายพื้นที่ โดยสาเหตุสำคัญเกิดจากภาวะโลกร้อนที่ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น ความชื้นในอากาศเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เมฆคิวมูโลนิมบัส ซึ่งเป็นเมฆที่มีลักษณะสูงใหญ่และมักก่อให้เกิดฝนฟ้าคะนอง ก่อตัวได้ง่ายขึ้น เป็นสาเหตุของฟ้าร้อง ฟ้าแลบ และฟ้าผ่าที่เกิดขึ้นถี่ขึ้นตามไปด้วย
ฟ้าผ่าคือปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของประจุไฟฟ้าภายในเมฆหรือระหว่างเมฆกับพื้นดิน เมฆคิวมูโลนิมบัสเป็นเมฆที่มีการสะสมไอน้ำจำนวนมากและเกิดความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างส่วนบนและส่วนล่างของเมฆ ประจุบวกจะสะสมอยู่ด้านบน ขณะที่ประจุลบจะอยู่ด้านล่าง เมื่อประจุไฟฟ้าเหล่านี้เคลื่อนที่ จะเกิดแสงสว่างที่เรียกว่าฟ้าแลบ และเมื่อความร้อนจากการเคลื่อนที่ทำให้อากาศขยายตัวอย่างรวดเร็ว จะเกิดเสียงดังที่เรียกว่าฟ้าร้อง
ฟ้าผ่ามีสองประเภทหลัก คือ ฟ้าผ่าแบบลบ ซึ่งผ่าจากฐานเมฆลงสู่พื้นดิน และฟ้าผ่าแบบบวก ซึ่งผ่าจากยอดเมฆลงสู่พื้นดิน ฟ้าผ่าแบบบวกมีความรุนแรงและอาจผ่าลงในระยะไกลจากเมฆได้ถึง 40 กิโลเมตร แม้ฝนจะหยุดแล้วก็ตาม จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
สัญญาณอันตรายของฟ้าผ่าคือ หากพบว่าเส้นขนหรือเส้นผมตั้งชันขึ้น หรือได้ยินเสียงฟ้าร้องภายใน 30 วินาทีหลังเห็นฟ้าแลบ แสดงว่าอยู่ใกล้เขตเสี่ยง ควรรีบหาที่หลบภัยทันที
วิธีป้องกันฟ้าผ่าที่ควรปฏิบัติมีดังนี้
- อาคารสูงควรติดตั้งสายล่อฟ้าและระบบกราวด์เพื่อนำไฟฟ้าลงสู่พื้นดินอย่างปลอดภัย
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง หากหลบในรถยนต์ควรปิดกระจกและไม่สัมผัสตัวถังรถ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสโลหะและน้ำ รวมถึงการใช้โทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ตกลางแจ้ง
- ปิดและถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านเมื่อเกิดฝนฟ้าคะนอง
- เตรียมไฟฉายและกระเป๋าฉุกเฉินไว้พร้อมในกรณีที่ไฟฟ้าดับ
การเข้าใจและปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องเมื่อเกิดฝนฟ้าคะนองจะช่วยลดความเสี่ยงจากฟ้าผ่าและรักษาความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- โลกเจอคลื่นความร้อน เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30 วันต่อปี จะมากกว่านี้หากไม่ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
- ธารน้ำแข็งเทือกเขาแอลป์ถล่ม สร้างความกังวลใหม่ เสี่ยงน้ำท่วมหมู่บ้านใกล้เคียง
- โลกจะร้อนทุบสถิติใน 5 ปี อุตุฯโลกชี้ภัยธรรมชาติเพิ่มแน่ ทั้งไฟป่า น้ำท่วม ภัยแล้งรุนแรง
- สทนช.เตือน “ลำปาง” 7 อำเภอพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังระวังน้ำป่าไหลหลาก
- พยากรณ์อากาศ 7 วัน เตือนภาคเหนือมีฝนต่อเนื่อง 31 พ.ค.-4 มิ.ย.ฝนลดลง
- ฟ้าผ่าเสียชีวิตสะสม 37 รายตั้งแต่ต้นปี เกษตรกรเสี่ยงมากที่สุด
- คาดการณ์ฝนและอุณหภูมิมิ.ย.68 ครึ่งแรกฝนชุก ครึ่งหลังฝนน้อย
ที่มาข้อมูล : Sonthi Kotchawat
ที่มารูปภาพ : Sonthi Kotchawat
