วิกฤตอากาศดึงเศรษฐกิจทรุด UN ชี้ต้องลดการปล่อยคาร์บอน เศรษฐกิจโลกถึงจะฟื้น!

วิกฤตอากาศดึงเศรษฐกิจทรุด  UN ชี้ต้องลดการปล่อยคาร์บอน เศรษฐกิจโลกถึงจะฟื้น!

วิกฤตสภาพภูมิอากาศกำลังกลายเป็นปัจจัยเร่งให้เศรษฐกิจโลกต้องเผชิญความไม่แน่นอนในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ความแห้งแล้งรุนแรงที่คลองปานามาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่ได้เพียงแค่ส่งผลกระทบต่อการขนส่งระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังทำให้ผลผลิตทางการเกษตรทั่วโลกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้สินค้าขาดแคลนและราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภาวะอดอยากจึงกลับมาเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่อาจมองข้ามได้

ข้อมูลล่าสุดจากเลขาธิการบริหารกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสะท้อนให้เห็นว่า ความรุนแรงของภัยธรรมชาติเหล่านี้มีผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมทั่วโลก การชะลอหรือการไม่ดำเนินการแก้ไขอย่างเข้มงวดในการลดก๊าซเรือนกระจก ไม่เพียงแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงเท่านั้น แต่ยังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะยาว

ในทางกลับกัน หากรัฐบาลทั่วโลกสามารถกำหนดนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศที่ชัดเจนและแข็งแรง จะช่วยสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนเปิดประตูสู่การลงทุนขนาดใหญ่ในพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นการค้าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ พร้อมทั้งลดผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ทำลายล้าง

สรุปข่าว

วิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรง ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจโลก ตั้งแต่ราคาสินค้าพุ่งสูงจนถึงวิกฤตความอดอยากที่กลับมาอีกครั้ง ขณะที่นักลงทุนทั่วโลกกำลังรอสัญญาณชัดเจนจากรัฐบาลเพื่อเร่งลงทุนในพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อฟื้นฟูเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน ดังนั้น ความสำคัญของนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศที่เข้มแข็งจึงเป็นเรื่องสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำที่เท่าเทียม

วิกฤตสภาพภูมิอากาศกำลังกลายเป็นปัจจัยเร่งให้เศรษฐกิจโลกต้องเผชิญความไม่แน่นอนในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ความแห้งแล้งรุนแรงที่คลองปานามาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่ได้เพียงแค่ส่งผลกระทบต่อการขนส่งระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังทำให้ผลผลิตทางการเกษตรทั่วโลกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้สินค้าขาดแคลนและราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภาวะอดอยากจึงกลับมาเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่อาจมองข้ามได้

ข้อมูลล่าสุดจากเลขาธิการบริหารกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสะท้อนให้เห็นว่า ความรุนแรงของภัยธรรมชาติเหล่านี้มีผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมทั่วโลก การชะลอหรือการไม่ดำเนินการแก้ไขอย่างเข้มงวดในการลดก๊าซเรือนกระจก ไม่เพียงแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงเท่านั้น แต่ยังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะยาว

ในทางกลับกัน หากรัฐบาลทั่วโลกสามารถกำหนดนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศที่ชัดเจนและแข็งแรง จะช่วยสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนเปิดประตูสู่การลงทุนขนาดใหญ่ในพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นการค้าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ พร้อมทั้งลดผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ทำลายล้าง

นอกจากนี้ แผนลดก๊าซเรือนกระจกในอนาคตไม่ควรจำกัดอยู่เพียงแค่การลดการปล่อยก๊าซ แต่ควรขยายมุมมองไปสู่การส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และธรรมชาติ การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำจึงต้องเป็นโอกาสในการสร้างงานใหม่ สร้างรายได้ และดึงดูดการลงทุนที่ยั่งยืน ซึ่งจะก่อให้เกิดวงจรบวกทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายสำคัญจากความเหลื่อมล้ำในการเปลี่ยนผ่านนี้ โดยบางประเทศพัฒนาอย่างรวดเร็วด้วยพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีใหม่ ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนายังขาดทรัพยากรและเงินทุนเพียงพอในการรับมือกับผลกระทบและลงทุนในพลังงานทดแทน ความไม่เท่าเทียมกันนี้เสี่ยงที่จะทำให้เกิด “การเปลี่ยนผ่านสองมาตรฐาน” ที่บางประเทศถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

นอกจากนี้ ปัญหาทางการเงินยังถูกซ้ำเติมด้วยการที่ประเทศเศรษฐกิจใหญ่ ๆ อย่างสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรลดงบประมาณด้านความช่วยเหลือสภาพภูมิอากาศระหว่างประเทศ ส่งผลให้เงินทุนที่จำเป็นสำหรับประเทศยากจนในการปรับตัวและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงอย่างมาก ขณะเดียวกัน การเรียกร้องให้เก็บภาษีจากอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลและผู้มีฐานะร่ำรวยได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางในระดับประชาชน เพราะสามารถระดมทุนมหาศาลเพื่อสนับสนุนมาตรการด้านสภาพภูมิอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การวางนโยบายและการลงมือทำที่สอดคล้องกันในระดับรัฐบาลทั้งในประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา รวมถึงการสนับสนุนทางการเงินที่เพียงพอและต่อเนื่อง จะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างเท่าเทียมและยั่งยืน ซึ่งการไม่ดำเนินการอย่างจริงจังในเวลานี้ จะนำไปสู่ความเสียหายทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่ยากจะเยียวยาในอนาคต

ดังนั้น การแก้ไขวิกฤตสภาพภูมิอากาศอย่างครบวงจร ไม่เพียงแต่เป็นหน้าที่ด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นกลยุทธ์สำคัญในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของมนุษยชาติในระยะยาว ที่จะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่ภาครัฐ นักลงทุน ไปจนถึงประชาชนทั่วไป เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและเท่าเทียมสำหรับทุกคน

ที่มาข้อมูล : UN

ที่มารูปภาพ : Reuters