พบ “ด้วงดินขอบทองแดง” แมลงหายากใกล้สูญพันธุ์ .

พบ “ด้วงดินขอบทองแดง” แมลงหายากใกล้สูญพันธุ์  .

สัญญาณดีมีการพบ “ด้วงดินขอบทองแดง” หลายตัวกำลังออกหากินตามผืนป่าใกล้น้ำตกภูห้วยทราย บ้านหัวบึง ต.บ้านใหม่ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ป่าชุมชนของตำบลบ้านใหม่    ที่อยู่ห่างจากตัวอำเภอครบุรีเพียงแค่ 7 กิโลเมตรเท่านั้น สำหรับด้วงชนิดนี้ถือเป็นแมลงปีกแข็งที่หาได้ยากมากชนิดหนึ่ง และอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของพื้นป่าเต็งรัง ที่มีความหลากหลายทางระบบนิเวศในป่าแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี

ผศ.ดร.จริยา รอดดี อาจารย์ประจำสาขาวิชเทคโนโลยีการผลิตพืช สำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร ม.เทคโนโลยีสุรนารี (มทส.)  เผยว่าด้วงดินขอบทองแดง มีชื่อวิทยาศาสตร์ คือ  Mouhotia batesi เป็นแมลงปีกแข็งชนิดหนึ่งในลำดับ Coleoptera วงศ์ Carabidae เป็นแมลงที่มีลักษณะเด่นคือ บริเวณขอบอกและรอบปีกมีเหลือบสีชมพูสวยงาม มีเขี้ยวขนาดใหญ่ ลำตัวสีดำ ขนาดตัวจากปลายเขี้ยวจนถึงปลายท้องยาว 34-60 มม. มีขายาวแข็งแรง ปีกคู่แรกเนื้อปีกเชื่อมติดเป็นชิ้นเดียว ช่วยปกป้องอวัยวะภายใน ซึ่งด้วงดินขอบทองแดงยังสามารถฉีดสารเคมีที่มีกลิ่นฉุนรุนแรง เพื่อป้องกันตัวจากนักล่า

สรุปข่าว

“ด้วงดินขอบทองแดง” หลายตัวกำลังออกหากินตามผืนป่าใกล้น้ำตกภูห้วยทราย บ้านหัวบึง ต.บ้านใหม่ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา สำหรับด้วงชนิดนี้ถือเป็นแมลงปีกแข็งที่หาได้ยากมากชนิดหนึ่ง และอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของพื้นป่าเต็งรัง ที่มีความหลากหลายทางระบบนิเวศในป่าแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี

สัญญาณดีมีการพบ “ด้วงดินขอบทองแดง” หลายตัวกำลังออกหากินตามผืนป่าใกล้น้ำตกภูห้วยทราย บ้านหัวบึง ต.บ้านใหม่ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ป่าชุมชนของตำบลบ้านใหม่    ที่อยู่ห่างจากตัวอำเภอครบุรีเพียงแค่ 7 กิโลเมตรเท่านั้น สำหรับด้วงชนิดนี้ถือเป็นแมลงปีกแข็งที่หาได้ยากมากชนิดหนึ่ง และอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของพื้นป่าเต็งรัง ที่มีความหลากหลายทางระบบนิเวศในป่าแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี

ผศ.ดร.จริยา รอดดี อาจารย์ประจำสาขาวิชเทคโนโลยีการผลิตพืช สำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร ม.เทคโนโลยีสุรนารี (มทส.)  เผยว่าด้วงดินขอบทองแดง มีชื่อวิทยาศาสตร์ คือ  Mouhotia batesi เป็นแมลงปีกแข็งชนิดหนึ่งในลำดับ Coleoptera วงศ์ Carabidae เป็นแมลงที่มีลักษณะเด่นคือ บริเวณขอบอกและรอบปีกมีเหลือบสีชมพูสวยงาม มีเขี้ยวขนาดใหญ่ ลำตัวสีดำ ขนาดตัวจากปลายเขี้ยวจนถึงปลายท้องยาว 34-60 มม. มีขายาวแข็งแรง ปีกคู่แรกเนื้อปีกเชื่อมติดเป็นชิ้นเดียว ช่วยปกป้องอวัยวะภายใน ซึ่งด้วงดินขอบทองแดงยังสามารถฉีดสารเคมีที่มีกลิ่นฉุนรุนแรง เพื่อป้องกันตัวจากนักล่า

นอกจากนี้ ด้วงดินขอบทองแดง ยังมีชื่อเรียกท้องถิ่นในภาษาอีสาน ว่า  “แมงเลี้ยงน้อง”เนื่องจากมีความเชื่อแต่โบราณว่า หากนำเปลือกของแมลงชนิดนี้มาคล้องคอหรือข้อมือให้เด็กอ่อน จะทำให้เด็กเลี้ยงง่าย ไม่งอแง และเจ็บป่วยบ่อย ในประเทศไทยมีโอกาสพบด้วงดินขอบทองแดงได้เกือบทั่วประเทศ ยกเว้นภาคใต้ มักพบในป่าดิบแล้ง และป่าเต็งรัง

สำหรับด้วงดินขอบทองแดง มักพบได้บริเวณที่มีเศษซากพืชตามพื้นดินในป่าดิบแล้ง ช่วงฤดูฝน และสามารถพบเห็นได้ในภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาหารของด้วงชนิดนี้ คือ แมลง กิ้งกือ และตะขาบ และเนื่องจากด้วงชนิดนี้มีสีสันเฉพาะตัวที่สวยงาม จึงเป็นที่ต้องการของนักสะสมแมลง และทำให้ใกล้สูญพันธุ์ ปัจจุบันด้วงดินขอบทองแดงเป็น 1 ใน 4 ของชนิดด้วง ที่อยู่ที่จำนวน 20 สัตว์ป่าคุ้มครองจำพวกแมลง ซึ่งประกอบด้วย ผีเสื้อกลางคืน 4 ชนิด ผีเสื้อกลางวัน 12 ชนิด และ ด้วง 4 ชนิด   ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.   2562  ที่ “ห้ามล่า ห้ามค้า และห้ามครอบครอง”