สาเหตุจากร่องมรสุมและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังแรง

สภาพอากาศแปรปรวนครั้งนี้มีสาเหตุมาจากร่องมรสุมกำลังปานกลางที่พาดผ่านภาคเหนือตอนบนและประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้ ซึ่งมีกำลังค่อนข้างแรง

คลื่นลมแรงในทะเลอันดามัน – เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

ทะเลอันดามันมีกำลังคลื่นสูง 2-3 เมตร และอาจสูงเกิน 3 เมตรบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ขณะที่อ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร และสูงกว่า 2 เมตรในพื้นที่ที่มีฝนฟ้าคะนอง กรมอุตุนิยมวิทยาแนะชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และควรงดการเดินเรือในบริเวณที่มีพายุฝน ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งชั่วคราว

สภาพอากาศรายภาค

ภาคเหนือ: ฝนฟ้าคะนอง 70% ของพื้นที่ มีฝนตกหนักบางแห่ง เช่น แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย น่าน ฯลฯ อุณหภูมิต่ำสุด 23–27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34–36 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: ฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ ตกหนักบางแห่งในเลย หนองคาย บึงกาฬ ฯลฯ อุณหภูมิต่ำสุด 23–26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33–36 องศาเซลเซียส

ภาคกลาง: ฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ ตกหนักบางแห่งในนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี ฯลฯ อุณหภูมิต่ำสุด 24–27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34–36 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออก: ฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ ตกหนักถึงหนักมากในนครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23–27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30–34 องศาเซลเซียส

ภาคใต้ฝั่งตะวันออก: ฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ ตกหนักบางแห่งในชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ฯลฯ อุณหภูมิต่ำสุด 23–26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33–35 องศาเซลเซียส

ภาคใต้ฝั่งตะวันตก: ฝนฟ้าคะนอง 80% ของพื้นที่ ตกหนักถึงหนักมากในระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ฯลฯ อุณหภูมิต่ำสุด 23–25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29–33 องศาเซลเซียส

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล: ฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ ส่วนมากในช่วงบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 25–27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32–35 องศาเซลเซียส

ข้อควรระวังและคำแนะนำจากกรมอุตุฯ

ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงควรระวังอันตรายจากฝนตกหนัก สะสม จนอาจเกิดน้ำหลากและน้ำท่วมฉับพลัน ขณะที่เกษตรกรควรวางแผนรับมือความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตร และผู้ที่เดินทางหรือประกอบอาชีพในทะเลควรติดตามประกาศอย่างใกล้ชิด