
วันนี้ ( 12 มิ.ย. 68) เมื่อเวลา 04.00 น. พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางห่างจากเกาะไหหลำทางตอนใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร ที่ละติจูด 17.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 110.5 องศาตะวันออก ความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางอยู่ที่ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกค่อนเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็ว 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำเข้าสู่ประเทศจีนตอนใต้ช่วงวันที่ 13-14 มิถุนายน ก่อนจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง
สรุปข่าว
วันนี้ ( 12 มิ.ย. 68) เมื่อเวลา 04.00 น. พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางห่างจากเกาะไหหลำทางตอนใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร ที่ละติจูด 17.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 110.5 องศาตะวันออก ความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางอยู่ที่ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกค่อนเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็ว 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำเข้าสู่ประเทศจีนตอนใต้ช่วงวันที่ 13-14 มิถุนายน ก่อนจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง
แม้พายุ “หวู่ติบ” จะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่จะส่งผลให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้พื้นที่ทางตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนเพิ่มขึ้น และบางแห่งอาจมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ขณะเดียวกัน คลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรง ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงควรเฝ้าระวังฝนตกสะสม น้ำหลาก และคลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิด
หากสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง กรมอุตุนิยมวิทยาจะประกาศเตือนทันที ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลได้ทางเว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา www.tmd.go.th หรือโทร 0-2399-4012-13 และ 1182 ตลอด 24 ชั่วโมง ประกาศฉบับต่อไปจะออกในวันที่ 12 มิถุนายน 2568 เวลา 11.00 น.
- พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” เตรียมเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ แนะตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทาง
- เตือน นทท.ระวังเล่นน้ำตก หลังฝนตกหนัก หวั่นดินโคลนถล่ม น้ำป่าไหลหลาก
- เช็กเส้นทางพายุ! ล่าสุดทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “หวู่ติบ” กระทบไทยฝนตกหนัก
- อัปเดตเส้นทางพายุล่าสุด จับตาทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน คาดกระทบไทยฝนตกหนัก
- เตือนพายุอาจแรงขึ้นอีก ขอบพายุอาจกระทบอีสาน
- จับตาพายุในทะเลจีนใต้ กระทบไทยทางอ้อม อีสานฝนหนัก-ภาคใต้คลื่นแรง
- พื้นที่เสี่ยงภัยฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทยวันที่ 11 มิ.ย.68
ที่มาข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา
ที่มารูปภาพ : AFP
