
วันที่ 16 มิถุนายนของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น “วันเต่าทะเลโลก” (World Sea Turtle Day) เพื่อยกย่องและรำลึกถึง ดร.อาร์ชี คาร์ (Dr. Archie Carr) นักชีววิทยาทางทะเลชาวอเมริกัน ผู้บุกเบิกงานวิจัยเกี่ยวกับเต่าทะเลและวางรากฐานสำคัญในการอนุรักษ์เต่าทะเลทั่วโลก โดยวันสำคัญนี้ยังตรงกับวันเกิดของเขาอีกด้วย
เต่าทะเลถือเป็นสัตว์โบราณที่มีชีวิตอยู่บนโลกมายาวนานกว่า 100 ล้านปี มีบทบาทสำคัญในการรักษาสมดุลของระบบนิเวศทางทะเล เช่น ควบคุมปริมาณของแมงกะพรุนและสาหร่ายทะเล รักษาสุขภาพของแนวปะการัง ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและแหล่งอนุบาลของสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อาหารในทะเล ทำให้เต่าทะเลกลายเป็นดัชนีสำคัญในการวัดสุขภาพโดยรวมของมหาสมุทร
สรุปข่าว
วันที่ 16 มิถุนายนของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น “วันเต่าทะเลโลก” (World Sea Turtle Day) เพื่อยกย่องและรำลึกถึง ดร.อาร์ชี คาร์ (Dr. Archie Carr) นักชีววิทยาทางทะเลชาวอเมริกัน ผู้บุกเบิกงานวิจัยเกี่ยวกับเต่าทะเลและวางรากฐานสำคัญในการอนุรักษ์เต่าทะเลทั่วโลก โดยวันสำคัญนี้ยังตรงกับวันเกิดของเขาอีกด้วย
เต่าทะเลถือเป็นสัตว์โบราณที่มีชีวิตอยู่บนโลกมายาวนานกว่า 100 ล้านปี มีบทบาทสำคัญในการรักษาสมดุลของระบบนิเวศทางทะเล เช่น ควบคุมปริมาณของแมงกะพรุนและสาหร่ายทะเล รักษาสุขภาพของแนวปะการัง ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและแหล่งอนุบาลของสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อาหารในทะเล ทำให้เต่าทะเลกลายเป็นดัชนีสำคัญในการวัดสุขภาพโดยรวมของมหาสมุทร
ปัจจุบัน เต่าทะเลทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย กำลังเผชิญกับภัยคุกคามรุนแรงที่มีต้นตอมาจากกิจกรรมของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็น
• มลพิษทางทะเลจากขยะพลาสติก: เต่าทะเลมักกลืนกินพลาสติกเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นแมงกะพรุน ซึ่งทำให้ระบบทางเดินอาหารอุดตันและอาจถึงขั้นเสียชีวิต
• กิจกรรมการประมง: เต่าทะเลจำนวนมากมักติดอวนหรือเบ็ดโดยไม่ได้ตั้งใจ ส่งผลให้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
• การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: มีผลต่ออุณหภูมิของชายหาดซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่ออัตราส่วนเพศของลูกเต่า (อุณหภูมิสูงขึ้นส่งผลให้มีตัวเมียมากกว่าตัวผู้) อีกทั้งระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นยังอาจท่วมพื้นที่วางไข่
• การรุกล้ำชายหาดและแหล่งที่อยู่อาศัย: พื้นที่ทำรังของเต่าทะเลถูกคุกคามจากการพัฒนาแนวชายฝั่ง การท่องเที่ยว และแสงไฟจากสิ่งปลูกสร้างริมทะเลที่รบกวนพฤติกรรมวางไข่
ประเทศไทยถือเป็นแหล่งวางไข่ของเต่าทะเลหลายชนิด เช่น เต่ามะเฟือง (Leatherback turtle) เต่ากระ (Hawksbill turtle) เต่าตนุ (Green turtle) และเต่าหญ้า (Olive ridley turtle) ซึ่งเต่าทะเลเหล่านี้อยู่ในสถานะที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือมีจำนวนลดลงอย่างน่าตกใจ หน่วยงานรัฐ เช่น กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช รวมถึงองค์กรอนุรักษ์ต่างๆ จึงร่วมกันฟื้นฟูและดูแลแหล่งวางไข่ของเต่าทะเลทั่วประเทศ เช่น ที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จังหวัดตรัง และเกาะทะลุ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
“วันเต่าทะเลโลก” จึงเป็นมากกว่าวันรำลึก แต่เป็นโอกาสสำคัญในการกระตุ้นให้ประชาชนทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญของเต่าทะเลในระบบนิเวศ และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ ไม่ว่าจะเป็นการลดใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว การไม่ปล่อยขยะลงทะเล การสนับสนุนกิจกรรมอนุรักษ์ และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ไม่รบกวนแหล่งวางไข่ของเต่า
การอนุรักษ์เต่าทะเลจึงไม่เพียงแต่รักษาสายพันธุ์ที่กำลังจะสูญพันธุ์เท่านั้น แต่ยังหมายถึงการรักษาความสมดุลของธรรมชาติทางทะเล และดูแลมหาสมุทรให้คงความอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งชีวิตให้กับทุกสิ่งอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนต่อไป
ที่มาข้อมูล : เว็บไซต์กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
ที่มารูปภาพ : Envato