
งานวิจัยล่าสุดเผยให้เห็นว่า ร่องรอยของผลกระทบจากมนุษย์ต่อสภาพภูมิอากาศโลกอาจเริ่มปรากฏชัดในชั้นบรรยากาศโลกเร็วกว่าที่เคยเชื่อไว้ โดยอาจตรวจพบได้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1885 หรือเกือบ 140 ปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนการกำเนิดของรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันเสียอีก
การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่า แม้จะมีการบันทึกอุณหภูมิพื้นผิวโลกมาตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 19 แต่นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เคยเชื่อว่าผลกระทบจากก๊าซเรือนกระจกจะเริ่มเห็นชัดในช่วงต้นถึงกลางศตวรรษที่ 20 เท่านั้น อย่างไรก็ตาม งานวิจัยใหม่นี้ระบุว่า หากในยุคนั้นมีเครื่องมือที่ทันสมัยเช่นในปัจจุบัน เราสามารถตรวจจับสัญญาณของภาวะโลกร้อนได้ในชั้นบรรยากาศตั้งแต่ช่วงปี 1860–1899 แล้ว
นักวิจัยอาศัยการผสมผสานระหว่างทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ การสังเกตแบบสมัยใหม่ และแบบจำลองคอมพิวเตอร์ขั้นสูงหลายชุด โดยมุ่งศึกษาการเปลี่ยนแปลงใน “ชั้นบรรยากาศสตราโตสเฟียร์” ซึ่งอยู่ถัดจากชั้นโทรโพสเฟียร์ที่เป็นบริเวณที่เกิดสภาพอากาศทั่วไป
สรุปข่าว
งานวิจัยล่าสุดเผยให้เห็นว่า ร่องรอยของผลกระทบจากมนุษย์ต่อสภาพภูมิอากาศโลกอาจเริ่มปรากฏชัดในชั้นบรรยากาศโลกเร็วกว่าที่เคยเชื่อไว้ โดยอาจตรวจพบได้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1885 หรือเกือบ 140 ปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนการกำเนิดของรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันเสียอีก
การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่า แม้จะมีการบันทึกอุณหภูมิพื้นผิวโลกมาตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 19 แต่นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เคยเชื่อว่าผลกระทบจากก๊าซเรือนกระจกจะเริ่มเห็นชัดในช่วงต้นถึงกลางศตวรรษที่ 20 เท่านั้น อย่างไรก็ตาม งานวิจัยใหม่นี้ระบุว่า หากในยุคนั้นมีเครื่องมือที่ทันสมัยเช่นในปัจจุบัน เราสามารถตรวจจับสัญญาณของภาวะโลกร้อนได้ในชั้นบรรยากาศตั้งแต่ช่วงปี 1860–1899 แล้ว
นักวิจัยอาศัยการผสมผสานระหว่างทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ การสังเกตแบบสมัยใหม่ และแบบจำลองคอมพิวเตอร์ขั้นสูงหลายชุด โดยมุ่งศึกษาการเปลี่ยนแปลงใน “ชั้นบรรยากาศสตราโตสเฟียร์” ซึ่งอยู่ถัดจากชั้นโทรโพสเฟียร์ที่เป็นบริเวณที่เกิดสภาพอากาศทั่วไป
ขณะที่ก๊าซเรือนกระจกทำให้ชั้นบรรยากาศระดับล่างอุ่นขึ้น กลับส่งผลให้ชั้นบรรยากาศตอนบน โดยเฉพาะชั้นสตราโตสเฟียร์เย็นลง การค้นพบนี้ถูกนำมาใช้ตรวจย้อนกลับถึงสัญญาณของภาวะโลกร้อนในอดีต โดยพบว่าภายในเวลาเพียง 25 ปีหลังเริ่มปฏิวัติอุตสาหกรรม ก็สามารถตรวจพบสัญญาณความเย็นผิดปกติจากฝีมือมนุษย์ในชั้นบรรยากาศระดับบนได้แล้ว
ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในช่วง 1860–1899 เพิ่มขึ้นเพียง 10 ส่วนในล้านส่วน (ppm) แต่ก็เพียงพอที่จะสร้างผลกระทบให้ตรวจวัดได้ ในขณะที่ช่วงปี 2000–2025 ปริมาณก๊าซชนิดเดียวกันเพิ่มขึ้นถึง 50 ppm ซึ่งชี้ให้เห็นว่าชั้นบรรยากาศตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของก๊าซเรือนกระจกได้ไวและชัดเจนมาก จากการประมาณการ ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศเพิ่มขึ้นรวมแล้วประมาณ 140 ppm นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่สามารถตรวจพบผลกระทบได้ครั้งแรก
ผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยนี้อย่างเช่น “กาบี เฮเกอร์ล” แห่งมหาวิทยาลัยเอดินบะระ ให้ความเห็นว่า ผลลัพธ์ของงานวิจัยนี้แสดงให้เห็นถึงความอ่อนไหวของชั้นบรรยากาศระดับบนต่อการเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจก และสามารถใช้เป็นสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้าน “แอนเดรีย สไตเนอร์” นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศจากมหาวิทยาลัยเกรซ ประเทศออสเตรีย เสริมว่า การศึกษานี้ยืนยันว่า สัญญาณของภาวะโลกร้อนสามารถตรวจจับได้จากชั้นบรรยากาศเร็วกว่าการวัดที่พื้นผิวโลก และอาจนำมาใช้เป็นดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพของมาตรการลดโลกร้อนได้ในอนาคต
ท่ามกลางข้อค้นพบสำคัญนี้ นักวิจัยยังเตือนถึงอันตรายจากการตัดงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในหน่วยงานหลักอย่าง NOAA (องค์การบริหารสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติ), NASA และกระทรวงพลังงานของสหรัฐฯ ซึ่งต่างเผชิญกับข้อเสนอให้ลดงบวิจัย รวมถึงโครงการดาวเทียมที่มีภารกิจติดตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ หากไม่มีการเฝ้าระวังและวัดผลการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างใกล้ชิด จะทำให้เรามีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อภัยพิบัติในอนาคต โดยเฉพาะจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มนุษย์มีส่วนเร่งเร้าให้เกิดเร็วยิ่งขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 แล้ว
- ครีมกันแดดสหรัฐฯ ยังอ่อนกว่าหลายชาติทั่วโลก คาดไม่พอรับคลื่นความร้อน
- โลกร้อนคือมะเร็งร้าย รวยแค่ไหนก็ไม่รอด ลูกหลานอาจโตมาในโลกที่อยู่ไม่ได้
- เอเชียสาหัส โลกร้อนกระหน่ำทุกมิติ WMO ชี้หายนะยังไม่หยุดแค่นี้
- ทรัมป์เมินโลกร้อน! เล็งเพิ่มการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- เตือนทำสวนในยุคโลกรวน ต้องปรับตัวรับโลกร้อน
- 5 ปีสู่โลกเดือด! โลกร้อนทะลุจุดวิกฤต เสี่ยงหายนะทั่วโลก
- ฟาร์มโคนมอังกฤษปรับตัว เปิดให้กอดวัวแทนรีดนม สู้วิกฤตน้ำท่วมและราคานมตกต่ำ
ที่มาข้อมูล : Proceedings of the National Academy of Sciences
ที่มารูปภาพ : ENVATO
