รังที่ 10 ของปี “เต่ากระ” วางไข่ 151 ฟอง เกาะทะลุ

รังที่ 10 ของปี  “เต่ากระ” วางไข่ 151 ฟอง เกาะทะลุ

นายเอกฤทธิ์ ดวงมาลา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม (เตรียมการ) เปิดเผยว่า วันนี้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม ร่วมกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากรทะเลสยาม ได้ออกลาดตระเวนบนพื้นที่เกาะทะลุ อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และได้ค้นพบร่องรอยการขึ้นวางไข่ของแม่เต่ากระ บริเวณปลายแหลมของเกาะทะลุ ซึ่งเป็นรังที่ 10 ของปี เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2568  ที่ผ่านมา

จากการตรวจสอบพบว่ารังไข่เต่ากระดังกล่าวมีจำนวนไข่มากถึง 151 ฟอง อยู่ห่างจากระดับน้ำทะเลประมาณ 8 เมตร โดยหลุมมีขนาดกว้าง 30 เซนติเมตร และลึก 38 เซนติเมตร หลังจากประเมินสถานการณ์แล้ว เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นกับไข่เต่า เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการ เคลื่อนย้ายรังไข่เต่าทั้งหมดไปยังบ่ออนุบาลของมูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากรทะเลสยาม (พิกัด 47 P 560539 E 1224071 N) ซึ่งจะอยู่ในความดูแลของมูลนิธิฯ อย่างใกล้ชิดต่อไป

สรุปข่าว

พบ “เต่ากระ” ขึ้นมาวางไข่จำนวน 151 ฟอง นับเป็นรังที่ 10 ของปี บริเวณเกาะทะลุ ตอกย้ำความสมบูรณ์ของอ่าวสยาม เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายรังไข่ทั้งหมดไปยังบ่ออนุบาลของมูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากรทะเลสยาม เพื่อคอยดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง การค้นพบและเคลื่อนย้ายไข่เต่ากระในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการอนุรักษ์และฟื้นฟูประชากรเต่าทะเล ซึ่งเป็นสัตว์ทะเลหายากและมีความสำคัญต่อระบบนิเวศทางทะเล

นายเอกฤทธิ์ ดวงมาลา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม (เตรียมการ) เปิดเผยว่า วันนี้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม ร่วมกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากรทะเลสยาม ได้ออกลาดตระเวนบนพื้นที่เกาะทะลุ อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และได้ค้นพบร่องรอยการขึ้นวางไข่ของแม่เต่ากระ บริเวณปลายแหลมของเกาะทะลุ ซึ่งเป็นรังที่ 10 ของปี เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2568  ที่ผ่านมา

จากการตรวจสอบพบว่ารังไข่เต่ากระดังกล่าวมีจำนวนไข่มากถึง 151 ฟอง อยู่ห่างจากระดับน้ำทะเลประมาณ 8 เมตร โดยหลุมมีขนาดกว้าง 30 เซนติเมตร และลึก 38 เซนติเมตร หลังจากประเมินสถานการณ์แล้ว เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นกับไข่เต่า เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการ เคลื่อนย้ายรังไข่เต่าทั้งหมดไปยังบ่ออนุบาลของมูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากรทะเลสยาม (พิกัด 47 P 560539 E 1224071 N) ซึ่งจะอยู่ในความดูแลของมูลนิธิฯ อย่างใกล้ชิดต่อไป

นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเฝ้าระวังและเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อติดตามพัฒนาการของไข่เต่าอย่างใกล้ชิด การปฏิบัติการครั้งนี้เป็นไปตาม แนวพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ทรงมีภารกิจหลักในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลของไทย ให้เกิดความอุดมสมบูรณ์และยั่งยืน โดยเน้นย้ำในเรื่องการดูแลและช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายาก อาทิ การจัดตั้งศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายาก การช่วยเหลือสัตว์ทะเลที่เกยตื้น การตรวจสุขภาพ และการศึกษาภัยคุกคามที่เกิดขึ้นกับสัตว์ทะเลหายาก รวมถึงปัญหาขยะทะเล นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการสร้างความร่วมมือและจิตสำนึกจากทุกภาคส่วนในการดูแลรักษาทรัพยากรทางทะเล และสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนเห็นคุณค่าของทรัพยากรทางทะเลอันเป็นสมบัติของชาติ

การค้นพบและเคลื่อนย้ายไข่เต่ากระในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการอนุรักษ์และฟื้นฟูประชากรเต่าทะเล ซึ่งเป็นสัตว์ทะเลหายากและมีความสำคัญต่อระบบนิเวศทางทะเลของไทยให้คงอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน