ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดฝนตกหนัก

สาเหตุของสภาพอากาศแปรปรวนในครั้งนี้ เกิดจากร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคอีสานตอนบน และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ยังคงพัดปกคลุมประเทศไทย อ่าวไทย และทะเลอันดามัน

พยากรณ์อากาศรายภาค

• ภาคเหนือ: มีฝนฟ้าคะนอง 70% ของพื้นที่ ฝนตกหนักบางแห่งใน จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน ฯลฯ
• ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: ฝนฟ้าคะนอง 70% ของพื้นที่ ฝนตกหนักมากบางแห่งใน จ.เลย หนองคาย อุดรฯ สกลนคร ฯลฯ
• ภาคกลาง: ฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ มีฝนหนักบางแห่งที่ลพบุรี และกาญจนบุรี
• ภาคตะวันออก: ฝนฟ้าคะนอง 70% ของพื้นที่ ฝนตกหนักถึงหนักมากที่ จ.นครนายก ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี ฯลฯ
• ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก): ฝนฟ้าคะนอง 30% ของพื้นที่ หนักในเพชรบุรี ประจวบฯ สุราษฎร์ฯ
• ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก): ฝนฟ้าคะนอง 40% ของพื้นที่ ฝนหนักที่ระนอง พังงา
• กรุงเทพฯ และปริมณฑล: ฝนฟ้าคะนอง 70% ของพื้นที่ อุณหภูมิสูงสุด 32–35°C

คลื่นลมทะเลอันดามัน–อ่าวไทยปานกลาง เตือนชาวเรือระวังอันตราย

• ทะเลอันดามันตอนบน: คลื่นสูง 2 เมตร
• ทะเลอันดามันตอนล่าง–อ่าวไทยตอนบน: คลื่นสูง 1–2 เมตร
• บริเวณฝนฟ้าคะนอง: คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
• คำแนะนำ: ชาวเรือควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองและใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ

คำแนะนำสำหรับประชาชน

• หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้เชิงเขา หรือบริเวณน้ำไหลผ่าน
• เตรียมพร้อมรับมือกับน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่า
• ติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาและหน่วยงานท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด
• ผู้ที่มีกำหนดเดินทางทางเรือควรตรวจสอบสภาพอากาศล่วงหน้า