สทนช.เตรียมรับมือพายุ 1 - 2 ลูก ปลายกันยายน กระทบไทยฝนตกหนัก

เพื่อรองรับสถานการณ์ สทนช. ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนบริหารจัดการน้ำในแต่ละลุ่มน้ำ อาทิ

ลุ่มน้ำชี–มูล: เพิ่มการระบายน้ำเขื่อนอุบลรัตน์จาก 18 ล้าน ลบ.ม./วัน เป็น 20 ล้าน ลบ.ม./วัน

ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ: เพิ่มการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยหลวง น้ำอูน และหนองหาร เพื่อรองรับฝนระลอกใหม่

ลุ่มน้ำเจ้าพระยา: เขื่อนภูมิพลคงอัตราระบายน้ำ 10 ล้าน ลบ.ม./วัน และเขื่อนสิริกิติ์ 20 ล้าน ลบ.ม./วัน ในช่วง 1 สัปดาห์ข้างหน้า ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาเร่งระบายน้ำทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออก พร้อมกำจัดสิ่งกีดขวางและติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำให้เต็มศักยภาพ

หากจำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยามากกว่า 2,000 ลบ.ม./วินาที จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ล่วงหน้า 3 วัน และแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ท้ายน้ำเพื่อเตรียมรับมือ

ทั้งนี้ เนื่องจากปริมาณน้ำในลุ่มน้ำปิง ยม และน่านเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา โดยเฉพาะบริเวณท้ายน้ำ เพื่อให้การบริหารจัดการสถานการณ์มีประสิทธิภาพ ที่ประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำมีมติให้เสนอจัดตั้ง “กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ” เพื่อยกระดับการรับมืออุทกภัยในระดับที่ 2

สำหรับสถานการณ์ล่าสุด (13 ก.ย.) ประเทศไทยยังคงเผชิญน้ำท่วมใน 12 จังหวัด 38 อำเภอ ได้แก่ พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม และฉะเชิงเทรา