ทำความรู้จัก “นิว เชพาร์ด” จรวดท่องอวกาศพลังงานสะอาด สานฝันการเดินทางที่ยั่งยืน

ทำความรู้จัก “นิว เชพาร์ด”  จรวดท่องอวกาศพลังงานสะอาด   สานฝันการเดินทางที่ยั่งยืน

บลู ออริจิน (Blue Origin) บริษัทด้านการบินและอวกาศของมหาเศรษฐี “เจฟฟ์ เบซอส” ได้เปิดเผยรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับระบบจรวด "นิว เชพาร์ด" (New Shepard) ซึ่งเป็นนวัตกรรมสำคัญที่มุ่งเน้นการเดินทางสู่อวกาศสำหรับมนุษย์ จรวดนี้ได้รับการออกแบบมาให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ทั้งหมด และมีจุดมุ่งหมายเพื่อเปิดประตูสู่อวกาศให้กับผู้คนทั่วไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ


“จรวดนิว เชพาร์ด” ได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่นักบินอวกาศ “อลัน เชพาร์ด” ชาวอเมริกันคนแรกในอวกาศ ระบบประกอบด้วยสองส่วนหลักคือ ส่วนขับดัน (booster) และแคปซูลลูกเรือที่มีแรงดันอากาศ สิ่งที่ทำให้ระบบนี้แตกต่างคือการทำงานแบบอัตโนมัติอย่างสมบูรณ์โดยไม่มีนักบิน ทำให้การควบคุมการบินเป็นไปอย่างแม่นยำและปลอดภัยยิ่งขึ้น ภายในแคปซูลมีพื้นที่กว้างขวางสำหรับรองรับผู้โดยสารได้ถึง 6 คน พร้อมหน้าต่างบานใหญ่เพื่อให้ผู้โดยสารได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจของโลกจากมุมสูง 


สรุปข่าว

บลู ออริจิน (Blue Origin) บริษัทด้านการบินและอวกาศ ได้เปิดเผยรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับระบบจรวด "นิว เชพาร์ด" (New Shepard) ซึ่งเป็นนวัตกรรมสำคัญที่มุ่งเน้นการเดินทางสู่อวกาศสำหรับมนุษย์ จรวดนี้ได้รับการออกแบบมาอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ทั้งหมด และมีจุดมุ่งหมายเพื่อเปิดประตูสู่อวกาศให้กับผู้คนทั่วไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

บลู ออริจิน (Blue Origin) บริษัทด้านการบินและอวกาศของมหาเศรษฐี “เจฟฟ์ เบซอส” ได้เปิดเผยรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับระบบจรวด "นิว เชพาร์ด" (New Shepard) ซึ่งเป็นนวัตกรรมสำคัญที่มุ่งเน้นการเดินทางสู่อวกาศสำหรับมนุษย์ จรวดนี้ได้รับการออกแบบมาให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ทั้งหมด และมีจุดมุ่งหมายเพื่อเปิดประตูสู่อวกาศให้กับผู้คนทั่วไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ


“จรวดนิว เชพาร์ด” ได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่นักบินอวกาศ “อลัน เชพาร์ด” ชาวอเมริกันคนแรกในอวกาศ ระบบประกอบด้วยสองส่วนหลักคือ ส่วนขับดัน (booster) และแคปซูลลูกเรือที่มีแรงดันอากาศ สิ่งที่ทำให้ระบบนี้แตกต่างคือการทำงานแบบอัตโนมัติอย่างสมบูรณ์โดยไม่มีนักบิน ทำให้การควบคุมการบินเป็นไปอย่างแม่นยำและปลอดภัยยิ่งขึ้น ภายในแคปซูลมีพื้นที่กว้างขวางสำหรับรองรับผู้โดยสารได้ถึง 6 คน พร้อมหน้าต่างบานใหญ่เพื่อให้ผู้โดยสารได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจของโลกจากมุมสูง 


ภารกิจการบินด้วยนิว เชพาร์ด ใช้เวลาเพียง 11 นาที แต่เต็มไปด้วยประสบการณ์อันน่าทึ่ง จรวดจะทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อพาลูกเรือเดินทางผ่านเส้นคาร์มัน (Kármán line) ซึ่งเป็นพรมแดนอวกาศสากลที่ระดับความสูง 100 กิโลเมตร (62 ไมล์) เมื่อไปถึงจุดสูงสุด ผู้โดยสารจะได้สัมผัสกับสภาวะไร้น้ำหนักเป็นเวลาหลายนาที จากนั้น แคปซูลจะแยกตัวออกจากส่วนขับดันและค่อยๆ ร่อนกลับสู่พื้นโลก ในขณะที่ส่วนขับดันจะทำการจุดเครื่องยนต์ใหม่เพื่อลดความเร็วและลงจอดกลับมายังแท่นปล่อยได้อย่างแม่นยำเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจต่อไป 

ระบบจรวดนิว เชพาร์ด ถูกสร้างขึ้นโดยเน้นหลักการนำกลับมาใช้ใหม่ได้เป็นสำคัญ ตัวขับดันมีเครื่องยนต์รุ่น BE-3PM ซึ่งใช้เชื้อเพลิงออกซิเจนเหลวและไฮโดรเจนเหลว การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงนี้มีเพียงไอน้ำเป็นผลพลอยได้เพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ จรวดยังมีระบบครีบวงแหวน, ครีบแบบลิ่ม และเบรกอากาศเพื่อช่วยควบคุมการทรงตัวและลดความเร็วในระหว่างการบินและลงจอดอย่างปลอดภัย ด้วยการออกแบบที่ชาญฉลาดนี้ ทำให้ตัวจรวดเกือบ 99% ของมวลแห้งสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยลดต้นทุนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในการเดินทางสู่อวกาศ 


การพัฒนาระบบจรวดนิว เชพาร์ด ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางวิศวกรรมการบินและอวกาศเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดยุคใหม่ของการเดินทางสู่อวกาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอวกาศในอนาคต บลู ออริจินเชื่อมั่นว่าการทำให้การเดินทางสู่อวกาศเข้าถึงง่ายขึ้นและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างสังคมโลกที่มีความยืดหยุ่นและก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน

ที่มาข้อมูล : blueorigin

ที่มารูปภาพ : blueorigin, Canva