
ทุกวันที่ 17 กันยายนของทุกปี เป็นวันสำคัญที่หลายประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สัตว์ทะเลขนาดใหญ่ที่สง่างามอย่าง “กระเบนราหู” (Manta Ray) และ “กระเบนปีศาจ” หรือกระเบนโมบูลา (Devil Ray / Mobula Ray) เนื่องใน “วันกระเบนราหูโลก” (World Manta Day) ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2020 โดยองค์กร The Manta Trust เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์กระเบนทั้งสองชนิดที่กำลังเผชิญกับภัยคุกคามจนเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
“กระเบนราหูยักษ์” (Giant Manta Ray) เป็นปลากระดูกอ่อน จัดอยู่ในกลุ่มปลากระเบนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยทั่วไปมีความกว้างของลำตัวประมาณ 2.2–2.4 เมตร แต่สามารถเติบโตได้มากถึง 5.5 เมตร ลักษณะเด่นคือมี ปากอยู่ด้านหน้า และมี แผ่นหนังบริเวณงอยปากที่งอเข้าหากัน ช่วยดักจับแพลงก์ตอนที่เป็นอาหารหลัก ใต้ขากรรไกรล่างของกระเบนราหูจะมีฟันเรียงกันเป็นแถวจำนวน 6–8 แถว ส่วนบริเวณใกล้หัวมีแถบสีขาวพาดเฉียงตัดกับสีดำของลำตัวคล้ายรูปตัว “Y” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ นอกจากนี้ยังมี ครีบหลังขนาดเล็กและหางยาวคล้ายแส้ แต่ไม่มีเงี่ยงพิษเหมือนปลากระเบนบางชนิด
สรุปข่าว
ทุกวันที่ 17 กันยายนของทุกปี เป็นวันสำคัญที่หลายประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สัตว์ทะเลขนาดใหญ่ที่สง่างามอย่าง “กระเบนราหู” (Manta Ray) และ “กระเบนปีศาจ” หรือกระเบนโมบูลา (Devil Ray / Mobula Ray) เนื่องใน “วันกระเบนราหูโลก” (World Manta Day) ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2020 โดยองค์กร The Manta Trust เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์กระเบนทั้งสองชนิดที่กำลังเผชิญกับภัยคุกคามจนเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
“กระเบนราหูยักษ์” (Giant Manta Ray) เป็นปลากระดูกอ่อน จัดอยู่ในกลุ่มปลากระเบนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยทั่วไปมีความกว้างของลำตัวประมาณ 2.2–2.4 เมตร แต่สามารถเติบโตได้มากถึง 5.5 เมตร ลักษณะเด่นคือมี ปากอยู่ด้านหน้า และมี แผ่นหนังบริเวณงอยปากที่งอเข้าหากัน ช่วยดักจับแพลงก์ตอนที่เป็นอาหารหลัก ใต้ขากรรไกรล่างของกระเบนราหูจะมีฟันเรียงกันเป็นแถวจำนวน 6–8 แถว ส่วนบริเวณใกล้หัวมีแถบสีขาวพาดเฉียงตัดกับสีดำของลำตัวคล้ายรูปตัว “Y” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ นอกจากนี้ยังมี ครีบหลังขนาดเล็กและหางยาวคล้ายแส้ แต่ไม่มีเงี่ยงพิษเหมือนปลากระเบนบางชนิด
กระเบนราหูเป็นสัตว์ที่มีพฤติกรรมสงบ ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ มักอาศัยอยู่ใกล้ผิวน้ำหรือแนวปะการังตามท้องทะเลเขตร้อนทั่วโลก โดยมักอยู่ลำพังหรือรวมกันเป็นฝูงเล็ก ๆ และนิยมว่ายเข้าใกล้กองหินเพื่อให้ ปลาพยาบาลช่วยทำความสะอาดร่างกายและกำจัดปรสิตตามตัว ซึ่งเป็นหนึ่งในพฤติกรรมทางนิเวศที่น่าตื่นตาตื่นใจ

นอกจากบทบาทในฐานะผู้รักษาสมดุลของห่วงโซ่อาหารในทะเลแล้ว กระเบนราหูยังมีคุณค่าในเชิงเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะ การดำน้ำแบบดูสัตว์น้ำ (Eco-diving / Marine Ecotourism) ซึ่งสร้างรายได้ให้กับชุมชนชายฝั่งอย่างยั่งยืนโดยไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ
แม้กระเบนราหูจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าทึ่ง แต่พวกมันกลับกำลังเผชิญกับภัยคุกคามหลายประการ เช่น การถูกจับเพื่อนำเหงือกไปจำหน่าย การติดอวนหรือแหโดยบังเอิญจากการประมงพาณิชย์ รวมไปถึงการสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัยทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้น กระเบนราหูมีอัตราการขยายพันธุ์ต่ำมาก โดยตั้งครรภ์นานถึง 12–13 เดือน และออกลูกครั้งละเพียง 1 ตัวเท่านั้น ส่งผลให้ประชากรฟื้นตัวได้ยาก ปัจจุบันจึงถูกจัดให้อยู่ในสถานะ “สัตว์ที่มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์” (Vulnerable Species, VU) ในบัญชีแดงของ สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN Red List)

การอนุรักษ์กระเบนราหูและสัตว์ทะเลทุกชนิดไม่อาจสำเร็จได้หากขาดความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิจัย ชุมชนชายฝั่ง และนักท่องเที่ยว กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ขอเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมความตระหนักรู้และสนับสนุนการอนุรักษ์เพื่อให้ กระเบนราหูและสิ่งมีชีวิตทะเลอันทรงคุณค่าเหล่านี้ยังคงอยู่คู่ท้องทะเลไทยตลอดไป
ที่มาข้อมูล : กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
ที่มารูปภาพ : Envato, Canva
