ไฟป่าทั่วโลกรุนแรง ใหญ่ขึ้น ร้อนขึ้น โหมเร็วขึ้น ดันการปล่อยคาร์บอนเพิ่มทั่วโลก

ไฟป่าทั่วโลกรุนแรง  ใหญ่ขึ้น ร้อนขึ้น โหมเร็วขึ้น ดันการปล่อยคาร์บอนเพิ่มทั่วโลก

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปรากฏการณ์ไฟป่าทั่วโลกทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เพิ่มการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ งานวิจัยล่าสุดจากรายงาน State of Wildfires พบว่า ในรอบปีตั้งแต่มีนาคม 2024 ถึงกุมภาพันธ์ 2025 การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากไฟป่าทั่วโลกเพิ่มขึ้นประมาณ 10% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา โดยมีต้นตอสำคัญมาจากไฟป่าขนาดใหญ่ในทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้

 

นักวิจัยพบว่า แม้พื้นที่ไฟไหม้ทั่วโลกจะไม่มากกว่าค่าเฉลี่ย แต่ไฟป่าที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงและเผาผลาญระบบนิเวศที่เก็บคาร์บอนสูง เช่น ป่าบอเรียลในแคนาดา ป่าแห้งในอเมริกาใต้ และพื้นที่ชุ่มน้ำปันตานัลในบราซิล โบลิเวีย และปารากวัย ศาสตราจารย์แมตทิว โจนส์ จากมหาวิทยาลัยอีสต์แองเกลีย ระบุว่า ไฟป่ากำลังขยายตัว ร้อนแรง และลุกลามเร็วกว่าเดิม ซึ่งส่งผลต่อชีวิตผู้คนและธรรมชาติอย่างรุนแรง 

สรุปข่าว

ไฟป่ารุนแรงในอเมริกาเหนือและใต้ทำให้การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากไฟทั่วโลกเพิ่มขึ้น 10% แม้พื้นที่เผาไหม้รวมต่ำกว่าค่าเฉลี่ย โดยภาวะโลกร้อนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไฟป่าลุกลามเร็วขึ้น ร้อนขึ้น และใหญ่ขึ้น ส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คน ระบบนิเวศ และคุณภาพอากาศหากไม่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โลกอาจเข้าสู่วงจรวิกฤติ ที่ไฟป่าเพิ่มคาร์บอนในชั้นบรรยากาศ ทำให้โลกร้อนและไฟป่ารุนแรงยิ่งขึ้นต่อเนื่อง

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปรากฏการณ์ไฟป่าทั่วโลกทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เพิ่มการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ งานวิจัยล่าสุดจากรายงาน State of Wildfires พบว่า ในรอบปีตั้งแต่มีนาคม 2024 ถึงกุมภาพันธ์ 2025 การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากไฟป่าทั่วโลกเพิ่มขึ้นประมาณ 10% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา โดยมีต้นตอสำคัญมาจากไฟป่าขนาดใหญ่ในทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้

 

นักวิจัยพบว่า แม้พื้นที่ไฟไหม้ทั่วโลกจะไม่มากกว่าค่าเฉลี่ย แต่ไฟป่าที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงและเผาผลาญระบบนิเวศที่เก็บคาร์บอนสูง เช่น ป่าบอเรียลในแคนาดา ป่าแห้งในอเมริกาใต้ และพื้นที่ชุ่มน้ำปันตานัลในบราซิล โบลิเวีย และปารากวัย ศาสตราจารย์แมตทิว โจนส์ จากมหาวิทยาลัยอีสต์แองเกลีย ระบุว่า ไฟป่ากำลังขยายตัว ร้อนแรง และลุกลามเร็วกว่าเดิม ซึ่งส่งผลต่อชีวิตผู้คนและธรรมชาติอย่างรุนแรง 

ภาวะโลกร้อนถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดสภาพอากาศร้อนและแห้ง เหมาะต่อการลุกลามของไฟอย่างรวดเร็ว ในปี 2024 พื้นที่ป่าถูกเผาหลายล้านเฮกตาร์ในแคนาดา สหรัฐฯ อเมซอน และพื้นที่ชุ่มน้ำปันตานัล ผู้เสียชีวิตจากไฟป่ามีมากกว่า 100 คนในเนปาล 34 คนในแอฟริกาใต้ และ 31 คนในลอสแอนเจลิส ขณะที่ควันไฟป่าก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศข้ามทวีป

 

รายงานระบุว่า การเผาไหม้ของไฟป่าทั่วโลกในปี 2024–2025 ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์รวมกว่า 8 พันล้านตัน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่ปี 2003 ถึง 10% องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกเตือนว่า โลกอาจเข้าสู่วงจรอันตรายของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ก๊าซเรือนกระจกเพิ่มอุณหภูมิ ทำให้ไฟป่าลุกลามและปล่อยคาร์บอนกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศมากขึ้น และมหาสมุทรที่อุ่นขึ้นก็ไม่สามารถดูดซับคาร์บอนได้เหมือนเดิม รายงานชี้ว่า หากไม่เร่งแก้ไข การเพิ่มขึ้นของไฟป่าและคาร์บอนอาจทำให้โลกเข้าสู่สภาวะวิกฤติที่ยากจะแก้ไขในอนาคต

ที่มาข้อมูล : france24.com

ที่มารูปภาพ : Reuters