
สภาพอากาศและสถานการณ์น้ำในภาคใต้
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เฝ้าติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำ พบว่าช่วงวันที่ 21–25 ตุลาคม 2568 จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในพื้นที่ภาคใต้ โดยร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำและธรณี สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประเมินพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมือง
สรุปข่าว
สภาพอากาศและสถานการณ์น้ำในภาคใต้
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เฝ้าติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำ พบว่าช่วงวันที่ 21–25 ตุลาคม 2568 จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในพื้นที่ภาคใต้ โดยร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำและธรณี สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประเมินพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมือง
พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและดินโคลนถล่ม
พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน
พื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ จังหวัดระนอง ชุมพร ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี พัทลุง พังงา กระบี่ นครศรีธรรมราช ตรัง สตูล สงขลา ยะลา และนราธิวาส โดยเฉพาะอำเภอเมืองและอำเภอที่เคยเกิดน้ำท่วมซ้ำซาก
อ่างเก็บน้ำและลำน้ำเสี่ยงน้ำล้น
อ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำเกิน 80% ของความจุ เช่น ในจังหวัดระนอง สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต และกระบี่ มีความเสี่ยงน้ำล้นอ่างและท่วมพื้นที่ท้ายอ่าง รวมถึงระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของคลองต่าง ๆ อาจเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและล้นตลิ่ง
มาตรการเฝ้าระวังและเตรียมความพร้อม
1.ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตรใน 24 ชั่วโมง
2.ตรวจสอบ ซ่อมแซม คันกั้นน้ำและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
3.เตรียมแผนรับมือสถานการณ์น้ำหลาก พร้อมบุคลากร เครื่องจักร และอุปกรณ์ช่วยเหลือ
4.ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้า เพื่อให้พร้อมอพยพหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน
ที่มาข้อมูล : สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)
ที่มารูปภาพ : สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)
