กรมอุตุฯเผย “พายุคัลแมกี” เข้าไทยช่วงฤดูหนาวไม่ปกติ เกิดขึ้นในรอบ 30 ปี

Share on Line Share on Facebook Share on X
กรมอุตุฯเผย “พายุคัลแมกี” เข้าไทยช่วงฤดูหนาวไม่ปกติ เกิดขึ้นในรอบ 30 ปี

นางสาวสุกันยาณี ยะวิญชาญ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกมาเปิดเผยถึงการติดตามสถานการณ์ พายุไต้ฝุ่น “คัลแมกี” (KALMAEGI) โดยระบุว่าการที่พายุลูกนี้จะเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยในช่วงที่กำลังเข้าสู่ฤดูหนาวนั้น ถือเป็น เหตุการณ์ที่ไม่ปกติ

พายุช่วงฤดูหนาว ห่างหายไปเกือบ 30 ปี

อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาชี้ว่า ในอดีตเคยมีพายุเข้าในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ซึ่งจะเกิดขึ้นประมาณทุก ๆ 10 ปี (ได้แก่ ปี 2517, 2527, และ 2539) แต่การที่พายุจะเข้ามาในช่วงฤดูหนาวเช่นนี้ ถือว่า ห่างหายไปนานเกือบ 30 ปี

สรุปข่าว

อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาเปิดเผยว่า พายุ "คัลแมกี" ซึ่งจะเข้าไทยในช่วงฤดูหนาว ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติที่ห่างหายไปนานเกือบ 30 ปี ทั้งนี้พายุจะอ่อนกำลังลงเข้าไทยในรูปแบบ ดีเปรสชัน โดยจะเริ่มส่งผลให้ภาคอีสานตอนล่างมีฝนตกตั้งแต่คืนนี้ (6 พ.ย.) ก่อนเคลื่อนตัวสู่ภาคกลางและภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนเฝ้าระวังฝนตกหนักที่สุดในวันที่ 7 พ.ย. โดยเฉพาะภาคอีสานตอนบน ซึ่งปริมาณฝนบางพื้นที่อาจสูงถึง 100-150 มิลลิเมตร

นางสาวสุกันยาณี ยะวิญชาญ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกมาเปิดเผยถึงการติดตามสถานการณ์ พายุไต้ฝุ่น “คัลแมกี” (KALMAEGI) โดยระบุว่าการที่พายุลูกนี้จะเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยในช่วงที่กำลังเข้าสู่ฤดูหนาวนั้น ถือเป็น เหตุการณ์ที่ไม่ปกติ

พายุช่วงฤดูหนาว ห่างหายไปเกือบ 30 ปี

อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาชี้ว่า ในอดีตเคยมีพายุเข้าในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ซึ่งจะเกิดขึ้นประมาณทุก ๆ 10 ปี (ได้แก่ ปี 2517, 2527, และ 2539) แต่การที่พายุจะเข้ามาในช่วงฤดูหนาวเช่นนี้ ถือว่า ห่างหายไปนานเกือบ 30 ปี

การเตรียมรับมือและพื้นที่เสี่ยง

กรมอุตุนิยมวิทยาขอให้ประชาชนคอยติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เตรียมความพร้อมในการรับมือ โดยระบุรายละเอียดผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ดังนี้:

  • รูปแบบพายุที่เข้าไทย: กรมอุตุฯ ย้ำว่า พายุคัลแมกีจะอ่อนกำลังลงและเข้าสู่ประเทศไทยในรูปแบบของ ดีเปรสชัน
  • เริ่มมีผลกระทบ: ในช่วงก่อนที่พายุจะขึ้นฝั่งและเคลื่อนตัวมาเป็นระยะ จะเริ่มส่งผลให้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง มีฝนตกแล้วตั้งแต่ คืนวันนี้ (6 พ.ย.)
  • วันเสี่ยงฝนตกหนักสุด: ขอให้พื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังเป็นพิเศษในวันที่ 7 พฤศจิกายน ซึ่งคาดว่าฝนจะตกหนักมากที่สุด โดยบางพื้นที่ปริมาณฝนอาจสูงถึง 100-150 มิลลิเมตร
  • พื้นที่ได้รับผลกระทบ : นอกจากพื้นที่เสี่ยง "สีแดง" ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนแล้ว ภาคกลาง และภาคตะวันออก ก็จะได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุลูกนี้ด้วย

ประชาชนจึงควรติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิดเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝนตกหนักและสภาพอากาศที่แปรปรวนในระยะนี้

ที่มาข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา

ที่มารูปภาพ : กรมอุตุนิยมวิทยา