
พายุ “คัลแมกี” สร้างความเสียหายรุนแรงในเวียดนามหลังพัดขึ้นฝั่งเมื่อวานนี้ (7 พ.ย.) ด้วยแรงลมสูงสุด 149 กม./ชม. อิทธิพลของพายุส่งผลให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ลมกระโชกแรง และน้ำท่วมฉับพลัน มีรายงานบ้านเรือนพังเสียหายกว่า 3,000 หลังคาเรือน ต้นไม้หักโค่นจำนวนมาก กว่า 1,600,000 ครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ขณะพายุพัดขึ้นฝั่ง เรือประมงอับปาง 11 ลำ และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 คน
โดยปกติแล้วในฤดูมรสุมเวียดนามมักจะเผชิญกับพายุหมุนเขตร้อนเฉลี่ยปีละ 10 ลูก แต่พายุ “คัลแมกี” นับเป็นพายุลูกที่ 13 ของปี และสร้างความเสียหายรุนแรงให้กับเวียดนาม
สรุปข่าว
พายุ “คัลแมกี” สร้างความเสียหายรุนแรงในเวียดนามหลังพัดขึ้นฝั่งเมื่อวานนี้ (7 พ.ย.) ด้วยแรงลมสูงสุด 149 กม./ชม. อิทธิพลของพายุส่งผลให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ลมกระโชกแรง และน้ำท่วมฉับพลัน มีรายงานบ้านเรือนพังเสียหายกว่า 3,000 หลังคาเรือน ต้นไม้หักโค่นจำนวนมาก กว่า 1,600,000 ครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ขณะพายุพัดขึ้นฝั่ง เรือประมงอับปาง 11 ลำ และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 คน
โดยปกติแล้วในฤดูมรสุมเวียดนามมักจะเผชิญกับพายุหมุนเขตร้อนเฉลี่ยปีละ 10 ลูก แต่พายุ “คัลแมกี” นับเป็นพายุลูกที่ 13 ของปี และสร้างความเสียหายรุนแรงให้กับเวียดนาม
นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อน ทำให้อุณหภูมิในมหาสมุทรอุ่นขึ้น และเป็นตัวเร่งให้พายุมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากอุณหภูมิเฉลี่ยโลกที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 1 องศาเซลเซียส จะทำให้ไอน้ำระเหยมากขึ้น ชั้นบรรยากาศสามารถกักเก็บความชื้นได้มากขึ้น 7% และเป็นสาเหตุให้เกิดฝนตกหนักมากขึ้นกว่าเดิม
แม้ว่าพายุ “คัลแมกี” จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงแล้ว แต่กรมอุตุนิยมวิทยาของเวียดนาม ยังคงออกประกาศเตือนฝนตกหนักบริเวณพื้นที่ชายฝั่งทางตอนกลางของประเทศ และอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันขึ้นได้
- GISTDA เผยภาพดาวเทียม พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมจากการระบายของเขื่อนเจ้าพระยา
- พายุไต้ฝุ่น “ฟงวอง” จ่อฟิลิปปินส์ คาดแรงกว่า “คัลแมกี” ทิศทางมุ่งไปไต้หวัน ไม่เข้าไทย
- “พฤศจิกายน” ยังเสี่ยงพายุเข้า แม้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว
- ปภ. เตือน 10 จังหวัดภาคกลาง และ กทม. เฝ้าระวังแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น
- "เขื่อนเจ้าพระยา" ระบายน้ำ 2,700 ลบ.ม./วินาที แนวโน้มน้ำเพิ่มขึ้น!
