"ฝน 300 ปี" ถล่มหาดใหญ่ เร่งระบายน้ำเต็มสูบสู้มวลน้ำภาคใต้

Share on Line Share on Facebook Share on X
"ฝน 300 ปี" ถล่มหาดใหญ่ เร่งระบายน้ำเต็มสูบสู้มวลน้ำภาคใต้

ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน เปิดเผยสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ว่า สาเหตุหลักเกิดจากอิทธิพลของร่องมรสุมและหย่อมความกดอากาศต่ำ ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ย. 68 จนถึงปัจจุบัน ทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากใน 10 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง โดยมีปริมาณฝนสะสม 24 ชั่วโมง วัดได้สูงเกิน 300 ถึง 500 มิลลิเมตร (มม.)

หาดใหญ่เจอฝนหนักสุดในรอบ 300 ปี

สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งมีปริมาณฝนสูงสุดเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 68 วัดได้ถึง 335 มม. ซึ่งเป็นปริมาณฝนตกหนักที่เกิดขึ้นในรอบ 300 ปี นอกจากนี้ ปริมาณฝนสะสม 3 วันย้อนหลัง (19 – 21 พ.ย. 68) ยังสูงถึง 630 มม. ซึ่งสูงกว่าปริมาณฝนสะสมสูงสุดครั้งน้ำท่วมใหญ่หาดใหญ่ในปี 2553 ที่วัดได้ 428 มม. ทำให้เกิดน้ำท่วมในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ ระดับน้ำสูงเฉลี่ย 0.50 – 2.50 เมตร

มวลน้ำจำนวนมหาศาลนี้ส่งผลให้น้ำในแม่น้ำสายหลัก คลองสายรอง รวมถึงคลองต่างๆ เช่น คลองวาด, คลองอู่ตะเภา, คลองต่ำ และคลองหวะ เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งในหลายพื้นที่

สรุปข่าว

อุทกภัยภาคใต้เกิดจากฝนสะสมสูงเกิน 300-500 มม. โดยเฉพาะหาดใหญ่ที่วัดปริมาณฝน 3 วันได้ถึง 630 มม. ซึ่งเป็นปริมาณฝนหนักสุดในรอบ 300 ปี ทำให้เกิดน้ำท่วมสูงถึง 2.50 เมตร โดยกรมชลประทานระดมเครื่องสูบน้ำ 32 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำ 14 ชุด เร่งระบายน้ำ โดยเน้นใช้คลองภูมินาถดำริ (คลอง ร.1) ที่มีศักยภาพ 1,200 ลบ.ม./วินาที ช่วยผันน้ำออกจากหาดใหญ่ คาดการณ์ว่าสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายและกลับสู่ภาวะปกติภายใน 3-5 วัน หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มเติมอีก

ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน เปิดเผยสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ว่า สาเหตุหลักเกิดจากอิทธิพลของร่องมรสุมและหย่อมความกดอากาศต่ำ ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ย. 68 จนถึงปัจจุบัน ทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากใน 10 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง โดยมีปริมาณฝนสะสม 24 ชั่วโมง วัดได้สูงเกิน 300 ถึง 500 มิลลิเมตร (มม.)

หาดใหญ่เจอฝนหนักสุดในรอบ 300 ปี

สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งมีปริมาณฝนสูงสุดเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 68 วัดได้ถึง 335 มม. ซึ่งเป็นปริมาณฝนตกหนักที่เกิดขึ้นในรอบ 300 ปี นอกจากนี้ ปริมาณฝนสะสม 3 วันย้อนหลัง (19 – 21 พ.ย. 68) ยังสูงถึง 630 มม. ซึ่งสูงกว่าปริมาณฝนสะสมสูงสุดครั้งน้ำท่วมใหญ่หาดใหญ่ในปี 2553 ที่วัดได้ 428 มม. ทำให้เกิดน้ำท่วมในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ ระดับน้ำสูงเฉลี่ย 0.50 – 2.50 เมตร

มวลน้ำจำนวนมหาศาลนี้ส่งผลให้น้ำในแม่น้ำสายหลัก คลองสายรอง รวมถึงคลองต่างๆ เช่น คลองวาด, คลองอู่ตะเภา, คลองต่ำ และคลองหวะ เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งในหลายพื้นที่

กรมชลฯ ระดมสรรพกำลังช่วยระบายน้ำ

กรมชลประทานได้เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างเต็มศักยภาพ แม้ว่าปริมาณฝนที่เกิดขึ้นครั้งนี้จะสูงเกินกว่าศักยภาพการออกแบบของคลองระบายน้ำสายใหม่ คลองภูมินาถดำริ (คลองระบาย ร.1) ก็ตาม

ทั้งนี้คลองระบาย ร.1: ซึ่งมีศักยภาพในการระบายน้ำได้ 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ลบ.ม./วินาที) ได้ช่วยผันน้ำจากคลองอู่ตะเภาไปลงทะเลสาบสงขลาได้เร็วขึ้น และช่วยลดปริมาณน้ำที่จะไหลผ่านเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ได้อย่างมาก กรมชลฯ ย้ำว่า หากไม่มีคลอง ร.1 สถานการณ์น้ำท่วมใน อ.หาดใหญ่ อาจรุนแรงกว่าที่เป็นอยู่มาก

นอกจากนี้ กรมชลประทานได้ติดตั้ง เครื่องสูบน้ำจำนวน 32 เครื่อง และ เครื่องผลักดันน้ำ 14 ชุด เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะที่สถานีสูบน้ำบางหยีบริเวณปลายคลอง ร.1 มีศักยภาพสูบน้ำ 90 ลบ.ม./วินาที

ขณะนี้แม้ยังมีฝนตกในพื้นที่ แต่มีแนวโน้มลดลง หากไม่มีฝนเพิ่ม กรมชลประทานคาดการณ์ว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะเริ่มคลี่คลายและกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 3 - 5 วัน โดยเมื่อน้ำในคลองไม่ล้นตลิ่งแล้ว จะเร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำที่ถูกน้ำท่วมขังต่อไป

ที่มาข้อมูล : กรมชลประทาน

ที่มารูปภาพ : ประชาสัมพันธ์หาดใหญ่