สหรัฐฯ น้ำท่วมหนัก รัฐวอชิงตัน สั่งอพยพปชช.

Share on Line Share on Facebook Share on X
สหรัฐฯ น้ำท่วมหนัก รัฐวอชิงตัน สั่งอพยพปชช.

สถานการณ์น้ำท่วมในรัฐวอชิงตันของสหรัฐฯ ยังคงน่าเป็นห่วง ล่าสุด บ็อบ เฟอร์กูสัน   ผู้ว่าการรัฐวอชิงตัน ทางตะวันตกของสหรัฐฯ แถลงคาดการณ์เมื่อวันเสาร์ (13 ธ.ค.) ว่า หลายสัปดาห์และเดือนข้างหน้า จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก เนื่องจากหลายส่วนของรัฐยังคงถูกน้ำท่วม และ ระบุด้วยว่าช่วงเวลาที่กำลังจะมาถึงนี้จะ เป็นช่วงเวลาทำให้ชาวเมืองรัฐวอชิงตันเกิดความเครียดกันเป็นอย่างมาก   

ขณะที่ทีมกู้ภัยฉุกเฉินในเมืองต่างๆ รวมถึงประชาชน เตรียมพร้อมรับมือหลังแม่น้ำสกาจิท มีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ซึ่งอาจทำให้คันกั้นน้ำพังทลาย โดยทหารกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ ช่วยเหลืออพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย หลังจากเกิดเหตุน้ำท่วมรุนแรงมาหลายวัน

สรุปข่าว

รัฐวอชิงตัน ของสหรัฐฯ เผชิญน้ำท่วมหลังฝนตกหนักติดต่อกัน ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสกาจิทเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ชุมชนริมน้ำถูกน้ำท่วมต้องอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย

สถานการณ์น้ำท่วมในรัฐวอชิงตันของสหรัฐฯ ยังคงน่าเป็นห่วง ล่าสุด บ็อบ เฟอร์กูสัน   ผู้ว่าการรัฐวอชิงตัน ทางตะวันตกของสหรัฐฯ แถลงคาดการณ์เมื่อวันเสาร์ (13 ธ.ค.) ว่า หลายสัปดาห์และเดือนข้างหน้า จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก เนื่องจากหลายส่วนของรัฐยังคงถูกน้ำท่วม และ ระบุด้วยว่าช่วงเวลาที่กำลังจะมาถึงนี้จะ เป็นช่วงเวลาทำให้ชาวเมืองรัฐวอชิงตันเกิดความเครียดกันเป็นอย่างมาก   

ขณะที่ทีมกู้ภัยฉุกเฉินในเมืองต่างๆ รวมถึงประชาชน เตรียมพร้อมรับมือหลังแม่น้ำสกาจิท มีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ซึ่งอาจทำให้คันกั้นน้ำพังทลาย โดยทหารกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ ช่วยเหลืออพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย หลังจากเกิดเหตุน้ำท่วมรุนแรงมาหลายวัน

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ฝนตกหนักและน้ำท่วมในรัฐวอชิงตันของสหรัฐฯ เกิดจากชุดของพายุที่เรียกว่า   แม่น้ำในชั้นบรรยากาศ  (atmospheric river storms) หรือ กระแสลมขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยความชื้นหนาแน่นที่ถูกดูดมาจากมหาสมุทร และได้พัดเข้าสู่แผ่นดินเหนือแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ รวมถึงบางส่วนของรัฐไอดาโฮ และ รัฐมอนทานาด้วย

ที่มาข้อมูล : Reuters

ที่มารูปภาพ : Reuters