บรรยากาศพระราชพิธีบรมราชาภิเษก “สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3” [มีคลิป]

ประวัติศาสตร์ใหม่ได้เกิดขึ้นแล้วในวันนี้ เมื่อทั่วโลกได้รับชมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เป็นพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษลำดับที่ 40 ที่ได้ประกอบพิธีราชาภิเษกในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ นับตั้งแต่ปี 1066 เป็นต้นมาโดยมีเหล่าประมุขและผู้นำจากนานาประเทศเข้าร่วมเป็นสักขีพยาน  ท่ามกลางประชาชนจำนวนมากที่มาเฝ้ารอคอยรับชมพระราชพิธีครั้งสำคัญ  พระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปี นับตั้งแต่ปี 1953  

  ภาพจาก AP 

 

 

  ภาพจาก AP 

 

  ภาพจาก AP 

 

  ภาพจาก AP 

 

  ภาพจาก AP 

 

  ภาพจาก AP 

 

  ภาพจาก AP 

 

  ภาพจาก AP 

 

แม้ว่าพระราชพิธีโดยรวมจะเป็นการสืบสานต่อตำนานจากประเพณีดั้งเดิม แต่มีการปรับเปลี่ยนขั้นตอนและรายละเอียดบางประการเพื่อให้เข้ากับยุคสมัย เริ่มต้นพระราชพิธีโดยสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และ สมเด็จพระราชินีคามิลลา ประทับราชรถ
พัชราภิเษกจากพระราชวังบักกิงแฮมไปยัง มหาวิหาร เวสต์มินสเตอร์ ในกรุงลอนดอน โดยมีขั้นตอนการประกอบพิธีซึ่งทางเว็บไซต์ www.bbc.com ได้เผยแพรไว้ดังนี้ 

 ภายในพระราชพิธีมีการถวายความจงรักภักดี โดย อาร์คบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี ผู้นำศาสนจักรแห่งอังกฤษ ประกาศการขึ้นครองราชย์ของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จากนั้นผู้เข้าร่วมพระราชพิธีร้องตะโกนขึ้นพร้อมกันว่า "ขอพระผู้เป็นเจ้าทรงคุ้มครองพระราชา" (God Save the King!) และมีการเป่าแตรตามมา  ต่อมาสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณ ทรงพิทักษ์รักษากฎหมายของแผ่นดินและศาสนจักรอังกฤษ
 

ไฮไลท์สำคัญของพิธีคือการเจิมด้วยน้ำมันศักดิ์สิทธิ์  อาร์คบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี เจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ที่ พระหัตถ์ พระอุระ และ พระเศียร โดยส่วนประกอบของน้ำมันศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นความลับ ต่อมาคือ ขั้นตอนสำคัญของพิธีพระบรมราชาภิเษก  อาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอเบอรีจะถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์อันประกอบด้วยลูกโลกประดับกางเขน, พระธำมรงค์ประจำองค์พระมหากษัตริย์, พระคทากางเขน, และพระคทานกพิราบ แล้วจึงถวายการสวมพระมหามงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ด ลงบนพระเศียรของกษัตริย์ ซึ่งตลอดพระชนมชีพพระองค์จะได้ทรงพระมหามงกุฎนี้เพียงครั้งเดียว ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเท่านั้น 

ภาพจาก instagram theroyalfamily ดูคลิป ที่นี่ 

 

ภาพจาก instagram theroyalfamily 

 

ภาพจาก instagram theroyalfamily 

 

 ภาพจาก AP 

จากนั้นเป็นการเป่าแตรและยิงสลุตทั่วสหราชอาณาจักรอย่างพร้อมเพรียงกัน  จะมีการยิงสลุต 62 นัด จากหอคอยแห่งลอนดอน และอีก 6 นัด จากลานสวนสนามของกองทหารม้ารักษาพระองค์ นอกจากนี้จะมีการยิงสลุต 21 นัด จากสถานที่อีก 11 แห่งทั่วสหราชอาณาจักร รวมถึงที่เอดินบะระ, คาร์ดิฟฟ์, เบลฟาสต์, และจากเรือหลวงที่ลอยลำอยู่ในมหาสมุทร จากนั้นกษัตริย์พระองค์ใหม่ได้ขึ้นประทับบนพระราชบัลลังก์  ราชาภิเษก หรือที่รู้จักกันในชื่อว่าพระราชอาสน์เซนต์เอ็ดเวิร์ด  ซึ่งประกอบด้วย “ศิลาแห่งชะตาลิขิต”(Stone of Destiny) ซึ่งอัญเชิญมาจากปราสาทเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์ เพื่อมาประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยเหล่าพระราชวงศ์และขุนนางผู้เข้าร่วมพิธี ทยอยเข้าเฝ้าถวายความเคารพโดยคุกเข่าลงต่อหน้าพระพักตร์ จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอน  พระราชพิธีสำหรับสมเด็จพระราชินีคามิลลา ซึ่งได้รับการ เจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์และสวมพระมหามงกุฎควีนแมรี  และพระองค์ทรงได้รับพระคทากางเขนและพระคทานกพิราบสำหรับราชินีอังกฤษเช่นกัน

ภาพจาก AP

 

 

จากนั้นสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3  และสมเด็จพระราชินีคามิลลา เสด็จไปยังโบสถ์น้อยเซนต์เอ็ดเวิร์ดภายในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ เพื่อผลัดเปลี่ยนพระมหามงกุฎที่ทรงอยู่ จากพระมหามงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ดมาเป็นพระมหามงกุฎอิมพีเรียล ก่อนเสด็จออกจากมหาวิหารเพื่อทรงเข้าร่วมขบวนที่เตรียมเคลื่อนกลับไปยังพระราชวังบักกิงแฮม และเสด็จออกสีหบัญชร ณ พระราชวังบักกิงแฮม เพื่อทรงพบปะทักทายเหล่าพสกนิกร ซึ่งมารวมตัวกันที่ถนนเดอะมอลล์ด้านหน้าพระราชวังบักกิงแฮม เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี