
สรุปข่าว
เรื่องราวคดีความระหว่าง “เจ้าชายแฮร์รี่” และพระชายากับสื่อแท็บลอยด์อังกฤษ กรณีที่พระองค์ยื่นฟ้องว่าถูกล่วงละเมิดความเป็นส่วนพระองค์ทั้งจากการแฮ็กและสอดแนมเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวในรูปแบบต่างๆ แม้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ว่าการเสด็จขึ้นศาลสูงในกรุงลอนดอนเมื่อวานนี้ (6 มิ.ย. 66) ทำให้ “เจ้าชายแฮร์รี่” กลายเป็นสมาชิกระดับสูงของราชวงศ์อังกฤษพระองค์แรกนับแต่ศตวรรษที่ 19 ที่จะต้องทรงถูกซักถามให้การในชั้นศาล โดยผู้ที่จะมาซักค้านก็คือทนายฝ่ายจำเลยนั่นเอง ท่ามกลางสื่อมวลชนเกาะติดสถานการณ์บริเวณหน้าศาลเป็นจำนวนมาก

ภาพจาก: AP
▪ ทนายของ Daily Mirror ซักค้าน “เจ้าชายแฮร์รี่”
คดีนี้ฝ่ายโจทก์คือเจ้าชายแฮร์รี่ ร้องต่อศาลว่าถูกจำเลยคือหนังสือพิมพ์ Daily Mirror ในเครือ Mirror Group Newspaper ตามเกาะติดหลอกหลอนสอดแนมเรื่องส่วนพระองค์และครอบครัวมาอย่างต่อเนื่อง ตามข่าวระบุด้วยว่ากระบวนการแฮ็กข้อมูลในคดีนี้หมายถึงการดักฟังโทรศัพท์ของบุคคลผู้เป็นเป้าหมาย
ซึ่งเกี่ยวกับคดีการดักฟังก่อนหน้านี้เคยทำให้หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ชื่อดังอย่าง News of the World ของเจ้าพ่อสื่อ “รูเพิร์ต เมอร์ด็อก” (Rupert Murdoch) ต้องปิดตัวแล้ว แถมผู้บริหารในเครือยังถูกสอบในคดีอาญาอีกหลายรายด้วย!!

ภาพจาก: AP
▪ ศาลสหรัฐ พิจารณาคดีเกี่ยวกับยาเสพติดของ “เจ้าชายแฮร์รี่”
และในวันเดียวกันนั้นเองที่ศาลวอชิงตัน ดี.ซี. ในสหรัฐ สำนักข่าว AP รายงานว่า มีการพิจารณาคดีที่ชาวอเมริกันหัวอนุรักษ์เรียกร้องให้ทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลว่า “เจ้าชายแฮร์รี่” ทรงยอมรับหรือไม่ว่าทรงใช้ยาเสพติด หลังจากได้ทรงเปิดเผยถึงประเด็นนี้ในหนังสือชีวประวัติอย่าง Spare ที่ปล่อยเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่า ไม่ว่าจะเป็น โคเคน, ยาหลอนประสาท รวมถึง กัญชา
อย่างที่ทราบกันว่า ณ เวลานี้ เจ้าชายแฮร์รี่และพระชายา พำนักในสหรัฐหลังขอลดบทบาทในฐานะสมาชิกระดับสูงของราชวงศ์อังกฤษ และตามกฎหมายคนเข้าเมืองของสหรัฐระบุไว้ว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรืออาชญากรรมทั้งในอดีตและปัจจุบัน อาจขาดคุณสมบัติในการยื่นขอวีซ่า

ภาพจาก: AP
อย่างไรก็ตาม มีผู้สันทัดกรณีระบุว่าประวัติการขอวีซ่าถือเป็นข้อมูลลับทางกฎหมายของทางการ ไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้ และแนวทางการอนุมัติวีซ่าจะต้องพิจารณาเป็นกรณีไป
โดยสำหรับวีซ่าปัจจุบันที่ “เจ้าชายแฮร์รี่” ทรงถือนั้น คาดว่าจะเป็นประเภทที่มีการต่อทุกๆ 3 ปี จากการมีภรรยาเป็นชาวอเมริกัน ซึ่งหากนับเวลาจากที่พระองค์ทรงย้ายจากอังกฤษมาพำนักในแคลิฟอร์เนีย เมื่อปี 2020 นั่นหมายความว่า วีซ่าของ “เจ้าชายแฮร์รี่” กำลังจะหมดและต้องต่อใหม่ในปีนี้

ภาพจาก: AP

ภาพจาก: AP

ภาพจาก: AP
- คดีฉ้อโกงใน"อังกฤษ"พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์
- "Made in Thailand" กระแสดีในอังกฤษ นายกฯ เร่งผลักดันรุกตลาดยุโรป
- 3 หนุ่ม 3 มุม "มาครง, สตาร์เมอร์, แมร์ซ" ร่วมทริปรถไฟหา "เซเลนสกี"
- ทรัมป์ประกาศดีลการค้าประวัติศาสตร์กับอังกฤษ ลดภาษีสินค้าหลายรายการ
- "อังกฤษ" ปิดดีล "อินเดีย" เล็งลดภาษีนำเข้าเป็น "0" หนุนมูลค่าการค้าเพิ่ม 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์
- สะท้อน"เศรษฐกิจย่ำแย่" คนแห่ทิ้งสัตว์เลี้ยง ภาษีทรัมป์ตัวกระตุ้น
- เจ้าชายแฮร์รีประสงค์คืนดีราชวงศ์หลังแพ้คดีคุ้มครองความปลอดภัย
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand