
สมัยนี้การจะเลือกดูละครสักเรื่องไม่ใช่แค่คู่พระนางที่น่าสนใจอย่างเดียวแล้ว แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้คนดูตัดสินใจดูคือการเลือกเสพจากพล็อตเรื่องที่ทันสมัย และเป็นมากกว่า ดราม่าตบตี
เมื่อตะวันลับฟ้าก็จะเป็นเวลาของดวงดาว กลายเป็นหนึ่งในละครไทยที่ตอบโจทย์คนดูยุคใหม่ ได้ครบ ทั้งเนื้อหาเข้มข้น ตัวละครมีมิติ และโปรดักชันที่กล้าทำให้ภาพลักษณ์ละครไทย เปลี่ยนไปแบบทันสมัยสุดๆ

สรุปข่าว
เหตุผลที่ไม่อยากให้พลาด เมื่อตะวันลับฟ้าก็จะเป็นเวลาของดวงดาว
ภาพจาก : ช่อง 3
1. พล็อตที่มากกว่าแค่รัก แต่คือการเยียวยา ความลับ และการเติบโต
เรื่องราวของ คิมหันต์ (วชิรวิชญ์ วัฒนภักดีไพศาล) กับ นับดาว (รัญชน์รวี เอื้อกูลวราวัตร) ที่พบกันในฐานะเจ้านาย ลูกน้อง ทว่าเบื้องหลังคือ บาดแผลในใจ ที่ทั้งสองต่างมี ไม่ว่าจะเป็นความรักที่ขาดหาย การถูกทอดทิ้ง หรือความฝันที่ต้องแลกมาด้วยน้ำตา
แต่สิ่งที่ เมื่อตะวันลับฟ้า ทำได้เหนือกว่าละครทั่วๆ ไป คือการ วางปม และ คลายปม อย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมความลับในครอบครัว ความจริงในอดีต และเรื่องราวของ มิรันตี หญิงลึกลับที่เคยถูกขัง และกลับมาเพื่อทวงคืนความยุติธรรมจากอดีตคนรักอย่าง เตชิต (วิลลี่ แมคอินทอช) ผู้เป็นพ่อของพระเอก
2. นางเอกยุคใหม่ที่ดูแล้วต้องรัก
นับดาว คือภาพแทนของผู้หญิงรุ่นใหม่ในละครไทย สวย เก่ง คิดบวก ไม่งอมืองอเท้า เธอดรอปเรียนเทอมสุดท้ายเพื่อหาเงินส่งน้องสาว (น้ำฟ้า) เรียนจบ และยังไม่หลุดคาแรกเตอร์นางเอกที่มีคุณค่าจากข้างในไม่ใช่ด้วยการใช้เสน่ห์เพื่อไต่เต้า นี่แหละคือ Beauty Standard ของผู้หญิงยุค 2025 ที่ละครไทยต้องมี
3. พระเอก พระรอง ที่มีมากกว่าความหล่อ
คิมหันต์ และ ปฐวี คือสองพี่น้องที่ไม่ได้โตมาด้วยความรักแบบเดียวกัน คนหนึ่งโตมาเพื่อแย่งความรักจากพ่อ อีกคนพยายามวิ่งหนีจากคำว่าลูกคนรวย ทั้งคู่สู้กันด้วยความสามารถ ไม่ใช่แค่แย่งมรดก ความแตกต่างนี้ทำให้คนดูรู้สึกอินและเชียร์ไปพร้อมๆ กัน
4. เคมีพระนางหวานจนจิกหมอน
ล่าสุดนี้ซีรีส์ก็ได้เดินทางมาถึงตอนที่ 8 แล้วฉากสวนสนุกคือจุดพีคของโมเมนต์หวานที่แฟนๆ พูดถึงกันทั้งโซเชียล ทีมงานเลือกโลเคชันสวนสยาม ถ่ายกันตั้งแต่เช้าจนค่ำเพื่อเก็บแสงทุกเฟรม และเคมีของ ริว และ มิ้นท์ ก็บอกเลยว่ามันได้มากกว่าคู่จิ้นทั่วไป จากสายตาเงียบ ๆ บนม้าหมุน ไปจนถึงรถฟักทองสุดโรแมนติก บอกเลยว่าไม่มีใครดูแล้วไม่ยิ้ม
ภาพจาก : ช่อง 3