คิมแซรน เกิดมาเพื่อเป็นนักแสดง

แม้ในช่วงที่คัดเลือกนักแสดงจะมีกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์เมาแล้วขับของคิมแซรน แต่ผู้กำกับยืนยันว่าเขาเชื่อมั่นในตัวเธอในฐานะนักแสดง พร้อมเผยว่าเดิมทีมีนักแสดงคนอื่นในใจอยู่แล้ว แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อได้เจอกับคิมแซรน

"เธออ่านบทอย่างละเอียดตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ และยังเสนอไอเดียสร้างสรรค์หลายอย่างให้กับหนังเล็ก ๆ ของเรา ผมรู้สึกขอบคุณจริง ๆ"

อีซอนจองกล่าวด้วยความอาลัยว่า แม้ในวันที่เหนื่อยล้าทางจิตใจ แต่ทุกครั้งที่อยู่หน้ากล้อง คิมแซรนกลับเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและความเป็นมืออาชีพจนแทบไม่เคยทำพลาดเลย

"เธอแทบไม่เคยพลาดจนต้องถ่ายซ้ำเลย แม้จะมีปัญหาในชีวิตส่วนตัว แต่เมื่อเริ่มแสดงเธอก็ยิ้มอย่างสดใสเสมอ ผมมองว่าเธอเกิดมาเพื่อเป็นนักแสดงจริง ๆ ต่อไปต้องกลายเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมในอนาคต  นั่นจึงยิ่งทำให้ผมรู้สึกเสียดายมาก"

 คิมแซรน กับความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่  

หลังจากรับเล่นบทนำ คิมแซรน หยุดงานพาร์ทไทม์ที่ร้านกาแฟ เพื่อโฟกัสกับการถ่ายทำอย่างเต็มที่ แต่ทว่าภายใต้รอยยิ้มที่มองเห็นผ่านหน้ากล้อง ผู้กำกับกลับมองเห็นความเศร้าในตัวเธอในตอนที่อยู่หลังกล้อง

"เธอกังวลกับสายตาคนมาก แม้ในช่วงที่ไม่มีการถ่ายทำ  เธอมักจะหลบอยู่ในรถเสมอ แม้แต่ตอนที่เรากินข้าวกันและร่วมโต๊ะดื่ม   เธอกลับเลือกเทเหล้าใส่แก้วน้ำเพื่อดื่ม เพราะกลัวใครจะเห็น ผมรู้สึกเจ็บปวดแทนที่เธอต้องมาถึงขั้นนี้"

เขายังกล่าวถึงวันที่ได้รับข่าวการเสียชีวิตของคิมแซรนว่าเป็นวันที่เขาไม่เคยลืม และรู้สึกผิดที่ไม่สามารถเข้าใจหรือเข้าถึงความเจ็บปวดของเธอให้มากกว่านี้

และด้วยความอาลัย เขาตัดสินใจบริจาครายได้จากเพลง The world without pain ที่แต่งเองและใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ ให้แก่ศูนย์สนับสนุนการป้องกันการฆ่าตัวตายในเกาหลี (Korea Suicide Prevention Center)

ส่วนภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายของคิมแซรน Guitar Man จะฉายรอบปฐมทัศน์ในวันที่ 30 พฤษภาคม