โค้งสุดท้ายมงฟ้า “โอปอล-สุชาตา" ตัวแทนสาวไทย ผู้ปลุกกระแสแฟนนางงามให้หันมาสนใจการประกวดมิสเวิลด์อย่างล้นหลาม

แน่นอนว่าปีนี้แฟนนางงามไทยจับตาการประกวดมิสเวิลด์ครั้งนี้เป็นพิเศษ เพราะตัวแทนของเราคือ “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2024 ที่เคยไปได้ไกลถึงตำแหน่งรองอันดับ 3  มิสยูนิเวิร์ส 2024 มาแล้ว

แม้โอปอลจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมิสเวิลด์ไทยแลนด์ 2025 ไปลุ้นมงฟ้ามงแรกของไทยแบบกระทันหัน มีเวลาเตรียมตัวเพียง 15 วัน แต่ด้วยศักยภาพเป็นที่ประจักษ์ สวยหวาน ฉลาด ไทยแท้ สูง 180 ซม. ภาษาดี มีโครงการ Opal For Her ที่ลงมือปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม จึงทำให้แฟนนางงามไทยลุ้นกันสุดพลัง บางคนบอกว่าถ้าไม่ใช่โอปอลคงไม่ดูแน่ๆ หรือบางคนก็บอกว่าเพราะตัวแทนเรามันดี จึงลุ้นและเชียร์เป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตาม กติกาการประกวดเวที Miss World ค่อนข้างบีบหัวใจกองเชียร์  เนื่องจากช่วงเก็บตัวจะมีการคัดผู้เข้ารอบจากการประกวดรอบ Fast Track ซึ่งปัจจุบันประกอบด้วย รอบ Talent, Sports , Head to Head Challenge, Top Model  ,  Beauty With a Purpose และ Multimedia Challenge โดยนำผู้ชนะแต่ละ Fast Track เข้ารอบ 40 คนสุดท้ายแบบอัตโนมัติ ทำให้สาวงามแต่ละชาติต้องงัดความสามารถออกมาสู้กันอย่างไม่มีใครยอมใคร ขณะที่กองเชียร์ก็ลุ้นกันแบบไม่ได้หลับไม่ได้นอน

ความเฉพาะตัวของเวที Miss World ที่มักถูกแฟนนางงามพูดถึงก็คือเกณฑ์การตัดสินที่คาดเดาได้ยาก ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว เปลี่ยนได้เรื่อยๆ ถือเป็น กติกาที่ชวนสงสัย จนเป็นที่มาของวลีที่ว่า กติกาจู ซึ่งหมายถึงจูเลีย มอร์ลีย์ ประธานการประกวดมิสเวิลด์ที่ว่ากันว่าคือกรรมการตัวจริง 

สำหรับปีนี้ล่าสุดผ่านไปแล้ว 5  Fast Track โอปอลสามารถทำได้ดีที่สุดคือ Top2 เอเชีย หรือ Top8 ของโลกในรอบ Head to Head Challenge จากการสปีชจับใจ ชูโครงการ Opal for Her เพื่อผู้หญิงทั่วโลกที่กำลังต่อสู่กับมะเร็งเต้านม จากจากประสบการณ์ตรงของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันรอบ Fast Track อื่นๆ ที่โอปอลทำได้ดีมากๆ ทั้งรอบ Top Model ที่เดินบนเวทีได้อย่างโดดเด่น รวมทั้งรอบ Beauty With a Purpose ที่โครงการ Opal for Her ที่จับใจมาแล้ว จากรอบ Head to Head Challenge กลับไม่ได้ผ่านเข้ารอบ ทำให้แฟนนางงามเริ่มได้กลิ่นตุๆว่าไทยจะโดนแกงอีกปีรึเปล่า โดยโควต้าทวีปละ 10 คน ตอนนี้เอเชียเข้าไปแล้ว 3 ยังเหลืออีก 7 ที่ สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร 

จนถึงตอนนี้เหลือเวลาอีก 3 วันก่อนจะมีการประกวดรอบไฟนอล 31 พฤษภาคม แม้ในสายตาของแฟนนางงามไทยจะมองว่าศักยภาพของโอปอลไปถึงควีนทวีปหรือมงฟ้าได้ แต่ผลจากรอบ Fast Track ทำให้ไม่สามารถมั่นใจได้เลย แต่แฟนนางงามก็ต้องสู้ ยังเหลือรอบ Multimedia Challenge อีก 1 Fast Track ที่จะประกาศผู้ชนะบนเวที 31 พ.ค.นี้ เพื่อเข้ารอบ 40 คนสุดท้าย (กองแม่จะรวบรวมคะแนนจากเอนเกจเมนท์ ยอดการกดไลค์ กดแชร์ คอมเมนท์รูป และคลิปที่กองกำหนดมาให้ทางไอจี เฟซบุ๊ค และเว็บไซต์) ซึ่งชาเลนจ์นี้แฟนนางงามไทยก็ค่อนข้างมั่นใจกับพลังโหวต แต่ก็ประมาทไม่ได้ว่ากองจะสับขาหลอกอะไรอีกไหม   ล่าสุดตอนนี้ โอปอล สามารถทะลุ เข้า Top 5 Multi-Media Challenge ทวีปเอเชีย โอเชียเนียแล้ว  แต่คือป้าจูออกกติกาใหม่ ให้คนที่เข้ารอบทำเพิ่มอีก 1 คลิป 

หากถามแฟนนางงามไทยแบบตัดผลการประกวดรอบ Fast Track ออกไป มิสเวิลด์ปีนี้ โอปอลทำให้แฟนๆ ได้รับความสนุก ตื่นเต้น และภูมิใจไปในคราวเดียวกัน การแข่งขันแต่ละรอบ คือกำไรของคนดูนางงาม เพราะโอปอลสู้ยิบตา ทำให้ทุกคนพร้อมส่งพลังบวก เชื่อมั่นและเป็นกองเชียร์ที่คอยซัพพอร์ตอย่างเต็มที่ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ตาม

สำหรับ Miss World  71 ครั้งที่ผ่านมา เคยมีนางงามไทยเพียง 3 คน ที่ได้จับไมค์ในรอบสุดท้าย แต่ก็ยังไม่จับใจจูคว้ามงฟ้าได้เสียที ได้แก่

“เฮเลน” ปทุมรัตน์ วรมาลี Top 5 Miss World 1989 และตำแหน่ง Continental Queen of Asia

“แทน” ธัญญา สื่อสันติสุข Top 5 Miss World 1997 และตำแหน่ง Miss Personality

“นิโคลลีน” พิชชาภา ลิมศนุกาญจน์ รองอันดับ1 Miss World 2018 และตำแหน่ง Continental Queen of Asia

ทั้งนี้เวที Miss World มีหัวใจสำคัญของการประกวดภายใต้แนวคิด Beauty with a Purpose งามอย่างมีคุณค่า ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1951 โดย เอริก มอร์ลีย์ อดีตโปรดิวเซอร์รายการทีวีที่ต้องการจัดความบันเทิงเพื่อเฉลิมฉลอง Festival of Britain ก่อนที่เขาจะชีวิตลงในปี ค.ศ. 2000 ก่อนที่ จูเลีย มอร์ลีย์ ภรรยาซึ่งเคยเป็นนางงามมาก่อน จะเข้ามาเป็นประธานการประกวดมิสเวิลด์ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

มาร่วมกันลุ้นในช่วงโค้งสุดท้ายวันที่ 31 พ.ค.นี้  Miss World Live Final รอบตัดสิน ซึ่งเป็นวันที่แฟนนางงามทั่วโลกตั้งตารอเชียร์ ว่าจาก 108 ประเทศ สาวงามคนใดจะคว้ามงฟ้าไปครอง