
แม้ว่าครอบครัวของทั้งสองจะแปลกและแตกต่างจากครอบครัวอื่น ๆ แต่ก็อบอุ่นและซาบซึ้งจนทำให้แทบทุกคนที่ได้ดูต่างเดินออกจากโรงภาพยนตร์ด้วยความประทับใจ

เรื่องราวเริ่มต้นในฮาวาย หลังจากสูญเสียพ่อแม่ไปอย่างน่าเศร้า ลีโลวัย 6 ขวบ กับพี่สาว นานี วัย 18 ปี ต้องอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง แม้จะมีปัญหามากมาย แต่ลีโลก็ยังคงมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ เธอปรารถนาที่จะมีเพื่อนสนิทสักคน จนกระทั่งเพื่อนบ้านอนุญาตให้เธอไปเยี่ยมศูนย์พักพิงสัตว์ ลีโลก็ได้พบกับสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดที่เธอตกหลุมรักและพากลับบ้านมาด้วย พร้อมตั้งชื่อให้ว่าสติทช์ แต่แท้ที่จริงแล้วสติทช์คือ Experiment 626 เอเลียนที่หลบหนีมาจากดาว Turo และมีตัวแทนจากสหพันธ์กาแลกติก (United Galactic Federation) ตามไล่ล่าอยู่ ในขณะเดียวกันพี่สาวอย่างนานีก็ต้องรับมือกับความกดดันในการหางานทำและดูแลน้องสาวให้ดี เพราะเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์เริ่มกังวลว่าเธออาจจะล้มเหลวในการดูแลครอบครัว ส่วนสติทช์ก็ต้องปรับตัวจากการเป็นคนนอกที่มาจากต่างดาวไปสู่การเป็นสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัว พร้อมยืนยันคุณค่าของคำว่า “Ohana” ซึ่งหมายความว่า ครอบครัวไม่ได้จำกัดเพียงแค่สายเลือด และจะไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

จะเห็นได้ว่าแก่นเรื่องที่แท้จริงของ “Disney’s Lilo & Stitch ลีโลแอนด์สติทช์” คือการเล่าถึงครอบครัวของมนุษย์จริง ๆ โดยเพิ่มองค์ประกอบแฟนตาซีเข้ามาเพื่อสร้างสีสันความวุ่นวาย แต่เรื่องราวที่ต้องการสื่อนั้นเรียบง่าย คือเรื่องของสองพี่น้องที่ต้องเผชิญกับการสูญเสียพ่อแม่ และการมาถึงของเอเลี่ยนที่ไม่ได้รับการยอมรับ จนกลายเป็นครอบครัวที่เกิดขึ้นจากการมารวมตัวกันแบบไม่ตั้งใจ (found family) และไม่สมบูรณ์แบบ
โปรดิวเซอร์ JONATHAN EIRICH บอกว่า “สิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้แตกต่างคือ ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าหญิงหรืออยู่ในอาณาจักรเทพนิยาย แต่เป็นเรื่องราวในโลกจริงของเราในยุคปัจจุบัน โดยพูดถึงความรู้สึกแปลกแยกและโดดเดี่ยว ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทุกคนรู้สึกกันบ่อยมาก ตัวละครเผชิญกับเหตุการณ์ที่สมจริงและจับต้องได้ ถึงแม้จะมีเอเลี่ยนสุดเพี้ยนเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ดราม่าก็ยังส่งอารมณ์ได้ เพราะลีโลเชื่อว่า ถ้าเธอสามารถ ‘ซ่อม’ สติทช์ได้ เธอก็จะสามารถซ่อมแซมตัวเองและครอบครัวได้เช่นกัน นี่ทำให้ Disney’s Lilo & Stitch เป็นเรื่องราวเหนือกาลเวลาและกินใจ และสายสัมพันธ์เฉพาะระหว่างลีโลและสติทช์ก็เข้าถึงใจผู้ชม”

ด้าน Chris Kekaniokalani Bright ผู้เขียนบทร่วมกล่าวว่า “หวังว่าผู้ชมจะสนุกไปกับอารมณ์ขันและความลึกซึ้งทางอารมณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมอยากให้ผู้คนหัวเราะและมีช่วงเวลาที่ดี แต่ก็ยังรู้สึกถึงอารมณ์ของเรื่องราวที่เกี่ยวกับการอยู่เคียงข้างครอบครัว ไม่ว่า ‘ครอบครัว’ จะมีรูปร่างหน้าตาเป็นแบบไหนก็ตาม พอถึงตอนจบของเรื่อง เราจะได้เห็นครอบครัวที่ดูแปลกมาก ๆ แต่นั่นแหละคือครอบครัว ผมหวังว่าทุกคนจะลุกออกจากโรงหนังพร้อมกับแรงบันดาลใจที่ได้จากเรื่องนี้”
“Disney’s Lilo & Stitch ลีโลแอนด์สติทช์” นับเป็นบทพิสูจน์ของการเล่าเรื่องอย่างสร้างสรรค์ เชิญชวนผู้ชมให้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ของคำว่า “Ohana” และความสุขจากการสร้างครอบครัวในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด ไปอินกับครอบครัวของลีโลและสติทช์ได้แล้ววันนี้ ทุกโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ
สรุปข่าว
แม้ว่าครอบครัวของทั้งสองจะแปลกและแตกต่างจากครอบครัวอื่น ๆ แต่ก็อบอุ่นและซาบซึ้งจนทำให้แทบทุกคนที่ได้ดูต่างเดินออกจากโรงภาพยนตร์ด้วยความประทับใจ

เรื่องราวเริ่มต้นในฮาวาย หลังจากสูญเสียพ่อแม่ไปอย่างน่าเศร้า ลีโลวัย 6 ขวบ กับพี่สาว นานี วัย 18 ปี ต้องอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง แม้จะมีปัญหามากมาย แต่ลีโลก็ยังคงมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ เธอปรารถนาที่จะมีเพื่อนสนิทสักคน จนกระทั่งเพื่อนบ้านอนุญาตให้เธอไปเยี่ยมศูนย์พักพิงสัตว์ ลีโลก็ได้พบกับสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดที่เธอตกหลุมรักและพากลับบ้านมาด้วย พร้อมตั้งชื่อให้ว่าสติทช์ แต่แท้ที่จริงแล้วสติทช์คือ Experiment 626 เอเลียนที่หลบหนีมาจากดาว Turo และมีตัวแทนจากสหพันธ์กาแลกติก (United Galactic Federation) ตามไล่ล่าอยู่ ในขณะเดียวกันพี่สาวอย่างนานีก็ต้องรับมือกับความกดดันในการหางานทำและดูแลน้องสาวให้ดี เพราะเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์เริ่มกังวลว่าเธออาจจะล้มเหลวในการดูแลครอบครัว ส่วนสติทช์ก็ต้องปรับตัวจากการเป็นคนนอกที่มาจากต่างดาวไปสู่การเป็นสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัว พร้อมยืนยันคุณค่าของคำว่า “Ohana” ซึ่งหมายความว่า ครอบครัวไม่ได้จำกัดเพียงแค่สายเลือด และจะไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

จะเห็นได้ว่าแก่นเรื่องที่แท้จริงของ “Disney’s Lilo & Stitch ลีโลแอนด์สติทช์” คือการเล่าถึงครอบครัวของมนุษย์จริง ๆ โดยเพิ่มองค์ประกอบแฟนตาซีเข้ามาเพื่อสร้างสีสันความวุ่นวาย แต่เรื่องราวที่ต้องการสื่อนั้นเรียบง่าย คือเรื่องของสองพี่น้องที่ต้องเผชิญกับการสูญเสียพ่อแม่ และการมาถึงของเอเลี่ยนที่ไม่ได้รับการยอมรับ จนกลายเป็นครอบครัวที่เกิดขึ้นจากการมารวมตัวกันแบบไม่ตั้งใจ (found family) และไม่สมบูรณ์แบบ
โปรดิวเซอร์ JONATHAN EIRICH บอกว่า “สิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้แตกต่างคือ ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าหญิงหรืออยู่ในอาณาจักรเทพนิยาย แต่เป็นเรื่องราวในโลกจริงของเราในยุคปัจจุบัน โดยพูดถึงความรู้สึกแปลกแยกและโดดเดี่ยว ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทุกคนรู้สึกกันบ่อยมาก ตัวละครเผชิญกับเหตุการณ์ที่สมจริงและจับต้องได้ ถึงแม้จะมีเอเลี่ยนสุดเพี้ยนเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ดราม่าก็ยังส่งอารมณ์ได้ เพราะลีโลเชื่อว่า ถ้าเธอสามารถ ‘ซ่อม’ สติทช์ได้ เธอก็จะสามารถซ่อมแซมตัวเองและครอบครัวได้เช่นกัน นี่ทำให้ Disney’s Lilo & Stitch เป็นเรื่องราวเหนือกาลเวลาและกินใจ และสายสัมพันธ์เฉพาะระหว่างลีโลและสติทช์ก็เข้าถึงใจผู้ชม”

ด้าน Chris Kekaniokalani Bright ผู้เขียนบทร่วมกล่าวว่า “หวังว่าผู้ชมจะสนุกไปกับอารมณ์ขันและความลึกซึ้งทางอารมณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมอยากให้ผู้คนหัวเราะและมีช่วงเวลาที่ดี แต่ก็ยังรู้สึกถึงอารมณ์ของเรื่องราวที่เกี่ยวกับการอยู่เคียงข้างครอบครัว ไม่ว่า ‘ครอบครัว’ จะมีรูปร่างหน้าตาเป็นแบบไหนก็ตาม พอถึงตอนจบของเรื่อง เราจะได้เห็นครอบครัวที่ดูแปลกมาก ๆ แต่นั่นแหละคือครอบครัว ผมหวังว่าทุกคนจะลุกออกจากโรงหนังพร้อมกับแรงบันดาลใจที่ได้จากเรื่องนี้”
“Disney’s Lilo & Stitch ลีโลแอนด์สติทช์” นับเป็นบทพิสูจน์ของการเล่าเรื่องอย่างสร้างสรรค์ เชิญชวนผู้ชมให้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ของคำว่า “Ohana” และความสุขจากการสร้างครอบครัวในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด ไปอินกับครอบครัวของลีโลและสติทช์ได้แล้ววันนี้ ทุกโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ
- 5 เหตุผลที่ไม่ควรพลาด “Disney’s Lilo & Stitch ลีโลแอนด์สติทช์”
- “สกาย - สติทช์” วอนแฟนๆ ไปให้กำลังใจกับงานพากย์เสียงครั้งแรกใน “Disney’s Lilo & Stitch
- ทรัมป์เรียก "ฮอลลีวูด" กลับบ้าน หลังแห่ไปถ่ายทำต่างประเทศ ขู่รีดภาษี 100 %
- ขึ้นเทรนด์อันดับ 1 หลังเปิดตัว “สกาย วงศ์รวี” สวมบทนักพากย์ใน “Disney’s Lilo & Stitch"
- “สกาย วงศ์รวี” สวมบทนักพากย์ครั้งแรกในภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชันฟอร์มยักษ์ “Disney’s Lilo & Stitch
- เตือนอุตสาหกรรมสื่อกระทบสาหัส หลังทรัมป์ขู่รีดภาษี 100% ภาพยนตร์ผลิตนอกสหรัฐฯ
- ย้อนเส้นทางความสำเร็จ "พีพี-บิวกิ้น" จาก "แปลรักฉันด้วยใจเธอ" สู่ "ซองแดงแต่งผี"
ที่มาข้อมูล : Disney Studios TH
ที่มารูปภาพ : Disney Studios TH
