ต้องยอมรับว่าก่อนหน้านี้ชื่อของ ดร.พลัง โลกศิลป์  อาจจะยังไม่เป็นที่คุ้นหูในหมู่คนไทยมากนัก แต่บทบาท รุ่ย เจี๋ย ในซีรีส์ดังเรื่อง สงครามส่งด่วน ถือเป็นผลงานแรกที่เปิดฉากในวงการบันเทิงไทยได้อย่างสวยงาม เพราะการแสดงที่เป็นธรรมชาติทำให้เขาเป็นอีกตัวละครที่สร้างความประทับใจให้คนดูได้ไม่น้อย  และไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือซีรีส์เรื่องแรกของเขา

 แม้ว่าดร.พลัง จะเพิ่งเป็นที่รู้จักในไทย  แต่ก็ไม่ใช่ว่าใหม่ในวงการบันเทิง เพราะแท้จริงแล้วเขาคือศิลปินแถวหน้าที่โลดแล่นในวงการแสดงและดนตรีมานานกว่า 20 ปี พร้อมด้วยเสียงบาริโทนทรงพลังและบุคลิกเปี่ยมเสน่ห์ที่ทำให้ผู้ชมจดจำได้ไม่ลืม

ภาพจาก : Netflix

ประวัติ ดร.พลัง โลกศิลป์

ดร.พลัง เกิดเดือนกรกฎาคม ปี 1989 ที่กรุงเทพ เข้าเรียนที่โรงเรียนสารสาสน์เอกตรา เขาเติบโตมาในครอบครัวหลงใหลในดนตรีโดยเฉพาะคุณพ่อที่มีความหลงไหลในวัฒนธรรมจีนและดนตรี จึงมีความฝันที่อยากเห็นลูกชายได้เรียนดนตรีสากลเพราะที่ไทยดนตรีแนวนี้ยังไม่นิยมมากนัก  ดังนั้นเมื่อเขาอายุได้เพียง 12 ปีจึงตัดสินใจเดินทางไปประเทศจีนคนเดียวเพื่อศึกษาด้านดนตรีและการขับร้อง

ภาพจาก IG : palang.rocksilp

เขาเริ่มต้นการเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนสังกัดวิทยาลัยดนตรีจีน China Conservatory of Music High School  จากนั้นก็เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่ Central Conservatory of Music ภาควิชาขับร้องและโอเปร่า ที่ผ่านมาเขาได้เรียนกับศิลปินชั้นนำของจีน และมีโอกาสแสดงบนเวทีระดับชาติของจีนหลายครั้ง ทั้งในบทนักร้องโอเปร่าและในงานคอนเสิร์ต symphony รวมถึงเคยร่วมร้องเพลงประสานเสียงในพิธีปิดกีฬาโอลิมปิกปี 2008  และเป็นเมนเทอร์ในรายการรายการค้นหาดาวดวงใหม่ของจีนด้วย

 แม้จะประสบความสำเร็จในเส้นทางดนตรีคลาสสิก แต่ดร.พลังไม่หยุดเพียงแค่นั้น เขายังสนใจด้านการแสดงตลกและการแสดงบนเวทีหลากหลายรูปแบบ เขาเข้าร่วมรายการตลกชื่อดังของจีน ซึ่งรายการนี้เขาสร้างจุดแข็งจากความเป็นคนไทยที่พูดจีนคล่อง นำมาสร้างมุกที่เกี่ยวกับความแตกต่างทางวัฒนธรรมด้วยการพูดจีนในสำเนียงต่าง ๆ 

เขาพูดภาษาจีนเก่งมากถึงขั้นถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนจีนแท้ ๆ   ซึ่งเจ้าตัวเคยกล่าวไว้ว่าเขาถึงขั้นต้องหยิบพาสปอร์ตมาแสดงให้คนเชื่อว่าเขาเป็นคนไทยจริง ๆ  แต่เขาเองก็ไม่ได้เก่งภาษาจีนตั้งแต่แรกโดยในช่วงที่ยังอยู่ไทยเขาพูดภาษาจีนได้เล็กน้อยและยังติดสำเนียงไทยอยู่ ทำให้ในช่วง 3 ปีแรกที่อยู่จีนนั้นลำบากพอสมควร  แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็ปรับตัวได้ ได้เรียนรู้สำเนียงจากเพื่อน ๆ และฝึกฝนการออกเสียงในชั้นเรียนการแสดง

ภาพจาก : baike.baidu