AI ดาบสองคม จากสร้างสรรค์กลายเป็นภัยคุกคามของคนดัง

AI ดาบสองคม จากสร้างสรรค์กลายเป็นภัยคุกคามของคนดัง

อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับทุกเทคโนโลยี AI ก็เปรียบเสมือนดาบสองคมที่หากนำไปใช้ในทางที่ผิด ย่อมก่อให้เกิดผลเสียร้ายแรงตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นด้านจริยธรรมและความเป็นส่วนตัว เราเริ่มเห็นการนำ AI ไปใช้ในการสร้างสรรค์ภาพปลอมแปลง (Deepfake) ที่สมจริงจนยากจะแยกแยะออกจากภาพจริง โดยเฉพาะการตัดต่อภาพบุคคลที่มีชื่อเสียง ศิลปิน หรือแม้แต่บุคคลทั่วไป ให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม ลามกอนาจาร หรือบิดเบือนข้อเท็จจริง สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของบุคคลเหล่านั้นอย่างมหาศาล แต่ยังสร้างความเจ็บปวดทางจิตใจอย่างรุนแรง ยากจะเยียวยา

เมื่อ AI พ่นพิษ: กรณีดาราไทยถูกตัดต่อภาพอนาจาร

ประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในประเทศที่เผชิญกับปัญหานี้อย่างหนัก มีข่าวคราวการนำ AI มาใช้ในการตัดต่อภาพดารา นักแสดง และบุคคลสาธารณะให้ตกเป็นเหยื่อของภาพอนาจารและภาพตัดต่อที่ไม่เหมาะสมอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างประเมินค่าไม่ได้ต่อผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือกรณีล่าสุดของ "โบว์"  เมลดา สุศรี ที่ต้นสังกัดออกหนังสือด่วน ชี้แจงกรณีปรากฏภาพศิลปินในลักษณะที่ไม่เหมาะสมถูกแชร์ในโลกออนไลน์ ระบุเป็นภาพตัดต่อด้วย AI ทำให้เกิดการเข้าใจผิดและเสื่อมเสีย พร้อมดำเนินคดีโดยเร่งด่วน 

ไม่เพียงแค่โบว์เท่านั้น ก่อนหน้านี้เคยมีประเด็นที่ศิลปินหลายคน  เข้าแจ้งความตำรวจไซเบอร์ หลังถูกคนร้ายใช้ AI ตัดต่อภาพอนาจาร ปล่อยลงกลุ่มลับ ไม่ว่าจะเป็น  ศิลปินวง 4EVE, PiXXiE และอีกมากมาย 

การกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างร้ายแรง และยังสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของบุคคลที่ตกเป็นเหยื่อ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วงใยอย่างยิ่ง เพราะเทคโนโลยี AI มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้การสร้างสรรค์ภาพปลอมแปลงเหล่านี้ทำได้ง่ายขึ้นและสมจริงมากขึ้นเรื่อยๆ จนยากที่จะตรวจสอบได้ด้วยตาเปล่า สิ่งนี้สร้างความท้าทายอย่างมากในการควบคุมและป้องกันการนำ AI ไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมายและศีลธรรม

ทางออกและอนาคต

จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการสร้างความตระหนักรู้ถึงภัยคุกคามจาก AI ที่ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด รวมถึงการพัฒนามาตรการทางกฎหมายและเทคโนโลยีเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำดังกล่าวอย่างจริงจัง ศิลปินและสาธารณชนควรได้รับความคุ้มครองจากภัยไซเบอร์เหล่านี้ และผู้ที่นำ AI ไปใช้ในทางที่ผิดควรได้รับการลงโทษตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ การศึกษาและการส่งเสริมจริยธรรมในการใช้ AI ก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้เทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้เพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ไม่ใช่เพื่อทำลายหรือสร้างความเสียหายให้กับผู้อื่น

ท้ายที่สุดแล้ว AI เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้จะเลือกนำไปใช้ในทางใด การใช้ AI อย่างรับผิดชอบและมีจริยธรรม จึงเป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องให้ความสำคัญ เพื่อให้ AI เป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นพิษที่คุกคามชีวิตและศักดิ์ศรีของมนุษย์

สรุปข่าว

AI เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้จะเลือกนำไปใช้ในทางใด การใช้ AI อย่างรับผิดชอบและมีจริยธรรม จึงเป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องให้ความสำคัญ เพื่อให้ AI เป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นพิษที่คุกคามชีวิตและศักดิ์ศรีของมนุษย์

อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับทุกเทคโนโลยี AI ก็เปรียบเสมือนดาบสองคมที่หากนำไปใช้ในทางที่ผิด ย่อมก่อให้เกิดผลเสียร้ายแรงตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นด้านจริยธรรมและความเป็นส่วนตัว เราเริ่มเห็นการนำ AI ไปใช้ในการสร้างสรรค์ภาพปลอมแปลง (Deepfake) ที่สมจริงจนยากจะแยกแยะออกจากภาพจริง โดยเฉพาะการตัดต่อภาพบุคคลที่มีชื่อเสียง ศิลปิน หรือแม้แต่บุคคลทั่วไป ให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม ลามกอนาจาร หรือบิดเบือนข้อเท็จจริง สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของบุคคลเหล่านั้นอย่างมหาศาล แต่ยังสร้างความเจ็บปวดทางจิตใจอย่างรุนแรง ยากจะเยียวยา

เมื่อ AI พ่นพิษ: กรณีดาราไทยถูกตัดต่อภาพอนาจาร

ประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในประเทศที่เผชิญกับปัญหานี้อย่างหนัก มีข่าวคราวการนำ AI มาใช้ในการตัดต่อภาพดารา นักแสดง และบุคคลสาธารณะให้ตกเป็นเหยื่อของภาพอนาจารและภาพตัดต่อที่ไม่เหมาะสมอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างประเมินค่าไม่ได้ต่อผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือกรณีล่าสุดของ "โบว์"  เมลดา สุศรี ที่ต้นสังกัดออกหนังสือด่วน ชี้แจงกรณีปรากฏภาพศิลปินในลักษณะที่ไม่เหมาะสมถูกแชร์ในโลกออนไลน์ ระบุเป็นภาพตัดต่อด้วย AI ทำให้เกิดการเข้าใจผิดและเสื่อมเสีย พร้อมดำเนินคดีโดยเร่งด่วน 

ไม่เพียงแค่โบว์เท่านั้น ก่อนหน้านี้เคยมีประเด็นที่ศิลปินหลายคน  เข้าแจ้งความตำรวจไซเบอร์ หลังถูกคนร้ายใช้ AI ตัดต่อภาพอนาจาร ปล่อยลงกลุ่มลับ ไม่ว่าจะเป็น  ศิลปินวง 4EVE, PiXXiE และอีกมากมาย 

การกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างร้ายแรง และยังสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของบุคคลที่ตกเป็นเหยื่อ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วงใยอย่างยิ่ง เพราะเทคโนโลยี AI มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้การสร้างสรรค์ภาพปลอมแปลงเหล่านี้ทำได้ง่ายขึ้นและสมจริงมากขึ้นเรื่อยๆ จนยากที่จะตรวจสอบได้ด้วยตาเปล่า สิ่งนี้สร้างความท้าทายอย่างมากในการควบคุมและป้องกันการนำ AI ไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมายและศีลธรรม

ทางออกและอนาคต

จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการสร้างความตระหนักรู้ถึงภัยคุกคามจาก AI ที่ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด รวมถึงการพัฒนามาตรการทางกฎหมายและเทคโนโลยีเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำดังกล่าวอย่างจริงจัง ศิลปินและสาธารณชนควรได้รับความคุ้มครองจากภัยไซเบอร์เหล่านี้ และผู้ที่นำ AI ไปใช้ในทางที่ผิดควรได้รับการลงโทษตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ การศึกษาและการส่งเสริมจริยธรรมในการใช้ AI ก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้เทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้เพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ไม่ใช่เพื่อทำลายหรือสร้างความเสียหายให้กับผู้อื่น

ท้ายที่สุดแล้ว AI เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้จะเลือกนำไปใช้ในทางใด การใช้ AI อย่างรับผิดชอบและมีจริยธรรม จึงเป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องให้ความสำคัญ เพื่อให้ AI เป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นพิษที่คุกคามชีวิตและศักดิ์ศรีของมนุษย์

ที่มาข้อมูล : TNN

ที่มารูปภาพ : IG aheyekrn, IG pixxie_official, IG bow_maylada