กรณีดราม่า “แจ็กแปบโฮ” สะท้อนคอนเทนต์อินฟลูฯยุคใหม่ ที่เน้นไวรัลมากกว่าความรับผิดชอบ?

Share on Line Share on Facebook Share on X
กรณีดราม่า  “แจ็กแปบโฮ” สะท้อนคอนเทนต์อินฟลูฯยุคใหม่ ที่เน้นไวรัลมากกว่าความรับผิดชอบ?

กลายเป็นดราม่าระดับข้ามประเทศ เมื่อ “แจ็กแปบโฮ” อินฟลูเอนเซอร์สายบันเทิง โพสต์คลิปปีนขึ้นหลังคารถของผู้อื่นที่จอดอยู่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ลอว์สัน สาขาวิวภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นร้านลอว์สันที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น พร้อมถอดเสื้อเต้นสร้างความตลกขบขันตามสไตล์ของตนเอง ก่อนเขียนแคปชั่นว่า

“แม้ใครจะดูถูกฉัน ไม่สนใจคำพูดเหล่านั้น”

ทันทีที่คลิปเผยแพร่ ชาวเน็ตจำนวนมากแห่ตำหนิว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสังคมที่ให้ความสำคัญกับมารยาทสาธารณะ ความสะอาด และการเคารพทรัพย์สินส่วนบุคคล เรื่องราวแชร์ว่อนในโลกโซเชียล จนทำให้สังคมตั้งคำถามว่า การกระทำแบบนี้เข้าข่ายผิดกฎหมายญี่ปุ่นหรือไม่ และดราม่าครั้งนี้สะท้อนวิกฤตวงการอินฟลูเอนเซอร์ไทยยุค “ไวรัลเหนือความรับผิดชอบ”

เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้เป็นแค่พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของบุคคลหนึ่ง แต่สะท้อน โครงสร้างปัญหาที่กำลังรุนแรงขึ้นในวงการอินฟลูเอนเซอร์ไทย ดังนี้

1) คอนเทนต์แข่งกันแรงขึ้นเพื่อยอดเอนเกจ ยุคโซเชียลคือยุคที่ยอดวิวและคอมเมนต์กลายเป็นสกุลเงินดิจิทัล ผลคือครีเอเตอร์จำนวนมากพยายาม “ทำอะไรให้คนตกใจ” เพื่อให้เกิดไวรัลโดยไม่มองผลกระทบ เช่น ทำลายทรัพย์สิน รบกวนพื้นที่สาธารณะ สร้างความวุ่นวายกับผู้อื่น ทำคลิปตลกแบบล้ำเส้น แจ็กแปบโฮคือกรณีศึกษาของคอนเทนต์ประเภทนี้ที่ผิดบริบทอย่างรุนแรง

2) อัลกอริทึมผลักให้แรงขึ้นเรื่อย ๆ แพลตฟอร์มต่าง ๆ มักดันคอนเทนต์ที่มีความขัดแย้งและความสุดโต่ง ทำให้ครีเอเตอร์รู้สึกว่าหากไม่ทำอะไรที่ “ล้ำเส้น” หรือ “รุนแรงกว่าเดิม” จะสู้คู่แข่งไม่ได้ นี่คือโครงสร้างที่ผลักดันให้เกิดพฤติกรรมเสี่ยงแบบนี้เพิ่มขึ้นในทุกปี

3) อินฟลูฯ บางส่วนไม่ตระหนักถึง Social Responsibility

แม้จะมีผู้ติดตามหลักล้าน แต่หลายคนยังมองบทบาทของตนว่า “แค่สร้างความบันเทิง” ไม่ได้คิดว่าพฤติกรรมของตน สร้างค่านิยมผิด ๆ ให้ผู้ติดตาม

กระทบภาพลักษณ์ประเทศ ทำให้คนไทยในต่างแดนเดือดร้อน ส่งผลต่อธุรกิจการท่องเที่ยวของชาติ คอมเมนต์ “เค้าจะรู้เหรอว่าผมเป็นคนไทย” จึงถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของทัศนคติที่ขาดการรับผิดชอบต่อสังคม

4) ความดังที่โตเร็วกว่า “ความรับผิดชอบ” อินฟลูเอนเซอร์จำนวนมากดังภายในเวลาอันสั้น แต่ไม่เคยผ่านการอบรมเรื่อง กฎหมาย จริยธรรมสื่อ

วัฒนธรรมท้องถิ่น ผลกระทบทางสังคม ทำให้เกิดพฤติกรรมเสี่ยงแบบนี้บ่อยขึ้น และสร้างความเสียหายวงกว้างมากขึ้น

5) สังคมเริ่มกังวลถึงการเลียนแบบ เมื่อคอนเทนต์แบบนี้ไวรัล มีโอกาสสูงที่คนอื่นจะเลียนแบบ โดยเฉพาะเด็ก เยาวชน หรือครีเอเตอร์หน้าใหม่ที่อยากไวรัลเร็ว นี่คือความเสี่ยงที่สังคมต้องจับตา

ดราม่าแจ็กแปบโฮไม่ใช่เพียงความผิดพลาดส่วนบุคคล แต่เป็น “สัญญาณเตือน” ของการเติบโตที่บิดเบือนในวงการอินฟลูเอนเซอร์ไทย ยุคที่คอนเทนต์เน้นแรง เน้นไวรัล เน้นเรียกเอนเกจ จนขาดความรับผิดชอบและไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้อื่น เหตุการณ์นี้จึงกลายเป็นบทเรียนสำคัญว่า ยอดวิวไม่สามารถเป็นข้ออ้างในการละเมิดสังคม วัฒนธรรม หรือกฎหมายได้

สรุปข่าว

กลายเป็นดราม่าระดับข้ามประเทศ เมื่อ “แจ็กแปบโฮ” อินฟลูเอนเซอร์สายบันเทิง โพสต์คลิปปีนขึ้นหลังคารถของผู้อื่นที่จอดอยู่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ลอว์สัน สาขาวิวภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นร้านลอว์สันที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น พร้อมถอดเสื้อเต้นสร้างความตลกขบขันตามสไตล์ของตนเอง

กลายเป็นดราม่าระดับข้ามประเทศ เมื่อ “แจ็กแปบโฮ” อินฟลูเอนเซอร์สายบันเทิง โพสต์คลิปปีนขึ้นหลังคารถของผู้อื่นที่จอดอยู่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ลอว์สัน สาขาวิวภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นร้านลอว์สันที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น พร้อมถอดเสื้อเต้นสร้างความตลกขบขันตามสไตล์ของตนเอง ก่อนเขียนแคปชั่นว่า

“แม้ใครจะดูถูกฉัน ไม่สนใจคำพูดเหล่านั้น”

ทันทีที่คลิปเผยแพร่ ชาวเน็ตจำนวนมากแห่ตำหนิว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสังคมที่ให้ความสำคัญกับมารยาทสาธารณะ ความสะอาด และการเคารพทรัพย์สินส่วนบุคคล เรื่องราวแชร์ว่อนในโลกโซเชียล จนทำให้สังคมตั้งคำถามว่า การกระทำแบบนี้เข้าข่ายผิดกฎหมายญี่ปุ่นหรือไม่ และดราม่าครั้งนี้สะท้อนวิกฤตวงการอินฟลูเอนเซอร์ไทยยุค “ไวรัลเหนือความรับผิดชอบ”

เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้เป็นแค่พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของบุคคลหนึ่ง แต่สะท้อน โครงสร้างปัญหาที่กำลังรุนแรงขึ้นในวงการอินฟลูเอนเซอร์ไทย ดังนี้

1) คอนเทนต์แข่งกันแรงขึ้นเพื่อยอดเอนเกจ ยุคโซเชียลคือยุคที่ยอดวิวและคอมเมนต์กลายเป็นสกุลเงินดิจิทัล ผลคือครีเอเตอร์จำนวนมากพยายาม “ทำอะไรให้คนตกใจ” เพื่อให้เกิดไวรัลโดยไม่มองผลกระทบ เช่น ทำลายทรัพย์สิน รบกวนพื้นที่สาธารณะ สร้างความวุ่นวายกับผู้อื่น ทำคลิปตลกแบบล้ำเส้น แจ็กแปบโฮคือกรณีศึกษาของคอนเทนต์ประเภทนี้ที่ผิดบริบทอย่างรุนแรง

2) อัลกอริทึมผลักให้แรงขึ้นเรื่อย ๆ แพลตฟอร์มต่าง ๆ มักดันคอนเทนต์ที่มีความขัดแย้งและความสุดโต่ง ทำให้ครีเอเตอร์รู้สึกว่าหากไม่ทำอะไรที่ “ล้ำเส้น” หรือ “รุนแรงกว่าเดิม” จะสู้คู่แข่งไม่ได้ นี่คือโครงสร้างที่ผลักดันให้เกิดพฤติกรรมเสี่ยงแบบนี้เพิ่มขึ้นในทุกปี

3) อินฟลูฯ บางส่วนไม่ตระหนักถึง Social Responsibility

แม้จะมีผู้ติดตามหลักล้าน แต่หลายคนยังมองบทบาทของตนว่า “แค่สร้างความบันเทิง” ไม่ได้คิดว่าพฤติกรรมของตน สร้างค่านิยมผิด ๆ ให้ผู้ติดตาม

กระทบภาพลักษณ์ประเทศ ทำให้คนไทยในต่างแดนเดือดร้อน ส่งผลต่อธุรกิจการท่องเที่ยวของชาติ คอมเมนต์ “เค้าจะรู้เหรอว่าผมเป็นคนไทย” จึงถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของทัศนคติที่ขาดการรับผิดชอบต่อสังคม

4) ความดังที่โตเร็วกว่า “ความรับผิดชอบ” อินฟลูเอนเซอร์จำนวนมากดังภายในเวลาอันสั้น แต่ไม่เคยผ่านการอบรมเรื่อง กฎหมาย จริยธรรมสื่อ

วัฒนธรรมท้องถิ่น ผลกระทบทางสังคม ทำให้เกิดพฤติกรรมเสี่ยงแบบนี้บ่อยขึ้น และสร้างความเสียหายวงกว้างมากขึ้น

5) สังคมเริ่มกังวลถึงการเลียนแบบ เมื่อคอนเทนต์แบบนี้ไวรัล มีโอกาสสูงที่คนอื่นจะเลียนแบบ โดยเฉพาะเด็ก เยาวชน หรือครีเอเตอร์หน้าใหม่ที่อยากไวรัลเร็ว นี่คือความเสี่ยงที่สังคมต้องจับตา

ดราม่าแจ็กแปบโฮไม่ใช่เพียงความผิดพลาดส่วนบุคคล แต่เป็น “สัญญาณเตือน” ของการเติบโตที่บิดเบือนในวงการอินฟลูเอนเซอร์ไทย ยุคที่คอนเทนต์เน้นแรง เน้นไวรัล เน้นเรียกเอนเกจ จนขาดความรับผิดชอบและไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้อื่น เหตุการณ์นี้จึงกลายเป็นบทเรียนสำคัญว่า ยอดวิวไม่สามารถเป็นข้ออ้างในการละเมิดสังคม วัฒนธรรม หรือกฎหมายได้

ที่มาข้อมูล : TNN

ที่มารูปภาพ : เพจ : สวัสดีครับผมแจ็กแปปโฮ

แท็กบทความ

แจ็กแปบโฮ
ดราม่าแจ็กแปบโฮ
ลอว์สัน สาขาวิวภูเขาไฟฟูจิ
อินฟลูเอนเซอร์
Social Responsibility
แจ็กแปปโฮที่ญี่ปุ่น