คุก 23 ปี “ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน” ล่วงละเมิดทางเพศในแวดวงฮอลลีวู้ด

วันนี้ ( 12 มี.ค. 63 )ผู้พิพากษาศาลในนครนิวยอร์กของสหรัฐ อ่านคำพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 23 ปีแก่ นายฮาร์วีย์ ไวน์สตีน วัย 67 ปี อดีตผู้สร้างภาพยนต์ชื่อดังในวงการฮอลลีวูดของสหรัฐ จากความผิดในคดีข่มชืนและล่วงละเมิดทางเพศ โทษจำคุก 23 ปีนี้แบ่งเป็นความผิด 2 กระทง

 หนึ่งคือการบังคับมิเรียม ฮาลีย์ หนึ่งในทีมงานสร้างภาพยนตร์ เมื่อปี 2549 ให้สำเร็จความใคร่ด้วยปาก มีโทษจำคุก 20 ปี และล่วงละเมิดทางเพศ เจสซิกา แมนน์ หญิงสาวที่ต้องการเข้าสู่วงการบันเทิง ในปี 2556 มีโทษจำคุก 3 ปี 

ความผิดทั้ง 2 กระทงนี้จะต้องรับโทษจำคุกแบบต่อเนื่องกัน หมายความว่านายไวน์สตีนจะต้องเข้าคุกจากความผิดแรก 20 ปี ก่อน แล้วจึงค่อยจำคุกอีก 3 ปีต่อมา

นายไวน์สตีนเดินทางมาศาลพร้อมกับรถวีลแชร์ ด้านทนายความของเขาได้ร้องขอให้ศาลลดหย่อนโทษ โดยกล่าวว่า แม้เขาจะได้รับโทษที่น้อยที่สุด คือ 5 ปี นั่นก็อาจหมายถึงการถูกจำคุกตลอดชีวิตสำหรับเขา แต่อัยการแย้งว่า นายไวน์สตีนควรได้รับโทษสูงสุด เนื่องจากเขาได้กระทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้หญิงมาอย่างยาวนาน 

อย่างไรก็ตาม นายไวน์สตีน ยังอาจถูกตั้งข้อหาเพิ่มอีก ทั้งข้อหาข่มขืนและล่วงละเมิดทางเพศ โดยที่นครลอสแองเจลิส เจ้าหน้าที่ได้เริ่มกระบวนการไต่สวนแล้ว 

ขณะเดียวกัน มีรายงานจากตัวแทนของไวน์สตีน เผยว่า ภายหลังจากรับฟังการพิจารณาคดีหลายชั่วโมง ไวน์สตีนได้ถูกพาตัวส่งโรงพยาบาลในแมนฮัตตัน เนื่องด้วยอาการเจ็บหน้าอก โดยเขาเริ่มมีอาการเจ็บป่วย ต้องผ่าตัดหัวใจ ภายหลังจากมีการสอบสวนดำเนินคดี

ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 มีหญิงสาวหลายสิบคนออกมาเปิดเผยว่า พวกเธอตกเป็นเหยื่อของการล่วงละเมิดทางเพศของนายไวน์สตีน จนนำไปสู่การเคลื่อนไหว “มีทู” #metoo หลังหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ รายงานว่าการกระทำของเขาในลักษณะนี้เกิดขึ้นมานานหลายสิบปีแล้ว 

หลังจากนั้นได้มีผู้หญิงอีกหลายสิบคนเริ่มออกมากล่าวหานายไวน์สตีน ทำให้เขาถูกคณะกรรมการบริษัทสั่งปลดออกจากตำแหน่งผู้บริหาร การสืบสวนคดีเริ่มขึ้นในช่วงปลายปี 2560 ในนครนิวยอร์ก แต่นายไวน์สตีนยังคงไม่ถูกตั้งข้อกล่าวหาจนกระทั่งเดือนพฤษภาคม 2561 เมื่อเขาขอเข้ามอบตัวกับตำรวจ

ที่ผ่านมา ไวน์สตีนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาพยนตร์ดังมากมาย อาทิ Pulp Fiction (1994), Shakespeare in Love (1998), The Lord of the Ring (2001) และ The Mist (2007) เป็นต้น

เกาะติดข่าวที่นี่ 

website: www.TNNThailand.com 
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand