ฟาดกลับ!! "แอน จักรพงษ์" ฝากถึง "ณวัฒน์" ต้องรู้จักกตัญญู

08 ก.พ. 2021

17:55 น

บันเทิง

ฟาดกลับ!! "แอน จักรพงษ์" ฝากถึง "ณวัฒน์" ต้องรู้จักกตัญญู

สรุปข่าว

แฉมาแฉกลับไม่โกง จากกรณีนักธุรกิจสาวข้ามเพศหมื่นล้าน "แอน จักรพงษ์" หรือ "แอน JKN" ได้ไปออกรายการหนึ่งแล้วพูดถึงสาเหตุเลิกลากับนายแบบหนุ่ม ซึ่งเป็นแฟนเก่าของ Miss Universe 2018 และได้มีการพูดพิงถึงอดีตนางงามจักรวาลในหลายๆ เรื่อง จนถูกชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

ก่อนหน้านี้ (4 กุมภาพันธ์) ที่ผ่านมา "แอน" ได้ออกมาไลฟ์ชี้แจง พร้อมทั้งขอโทษทุกประเด็นที่เกิดขึ้นว่าตนเอง น้อมรับทุกคำติ ทำจดหมายขอโทษอย่างเป็นทางการถึงต้นสังกัดอดีตนางงามจักรวาลที่ฟิลิปปินส์ด้วย

ซึ่ง "ณวัฒน์ อิสรไกร" ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวประกาศแบน ด้าน "แอน" ก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊คเช่นกัน ด้วยการโพสต์ภาพคู่กับ "ณวัฒน์" พร้อมข้อความประมาณว่า

"เรียนคุณ ณ.... ดิฉันแอน จักรพงษ์ มีความรู้สึกเซอร์ไพรส์กับการกระทำของคุณที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์บุคคลสาธารณะที่มีชื่อเสียงอย่างไม่หยุดยั้ง รวมถึงตัวดิฉันซึ่งเป็นลูกค้าที่อุดหนุนคุณมาตลอดระยะเวลา 4 ปี และเป็นเงินหลายล้านบาทเพื่อการออกสื่อประชาสัมพันธ์ รวมถึงการพาไปแนะนำกับเพื่อนฝูงนักธุรกิจ แต่ทำไมถึงออกมาพูดถึงคนดังหลายคนในเชิงลบตลอดเวลาคะ?"

"คำว่า กตัญญูต่อลูกค้ามีความหมายสำหรับคุณไหมคะ? ดิฉันพลาดพลั้งเกินเลยอะไรไปบนหน้าจอระหว่างการถ่ายทอดสด ก็ออกมาขอโทษอย่างจริงใจกับคนไทยทั้งประเทศแล้ว คุณกลับทับถมดิฉัน ด้วยคำเขียนที่ว่า "ผมขอแบนคนนี้ศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงได้ทุกอย่างยกเว้นนิสัย และความคิด" วัตถุประสงค์ของคุณคืออะไรคะ? ได้อะไรจากการเหยียบย่ำซ้ำเติมนี้คะ? เราผิดใจอะไรกันหรือคะ? ลูกค้าทุกคนของคุณต่อไปจะกล้าอุดหนุนไหมคะ? ความเป็นสุภาพบุรุษของคุณที่ดิฉันเคยรู้จักมันหายไปไหนคะ? หวังว่าคุณจะรับฟังสิ่งที่ "แอน" เขียนวันนี้ เพราะมันจะดีต่อธุรกิจของคุณ ด้วยความห่วงใย และเคารพเหมือนเดิม"

โดยวันนี้ (8 กุมภาพันธ์2564)"ณวัฒน์" ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นสตรีข้ามเพศ ประมาณว่า "ขอไม่เอ่ยชื่อ บอกคนเราต้องมีเหตุผล มีหลักการสนับสนุนเป็นแบบนั้นจริง เป็นการทำตามข้อตกลงผลประโยชน์ ตนทำงานเต็มความสามารถ และขอขอธิบายถ้าใครสักคนบอกว่าเคยมีบุญคุณ บอกเลยว่าการทำงานมีการสนับสนุนถือเป็นสัญญาการตอบแทน เพราะทำงานเต็มความสามารถไปแล้ว"

"เรื่องสปอนเซอร์ อีกฝ่ายจ่ายเงินช้า ตนทวงแล้วทวงอีก ตนพูดมีหลักฐาน ตอนนี้สายป่านตนขาดเป็นปีที่บริษัทตนเข้าตลาดหลักทรัพย์ ถ้ามีปัญหาเรื่องหนี้ข้ามปีจะทำให้บริษัทตนเกิดปัญหา ไม่แน่ใจว่าปัญหานี้เกิดขึ้นเพราะอะไร เป็นเพราะเด็กเขาสื่อสารไม่รู้เรื่อง หรือเปล่า แต่ปัจจุบันเรื่องเงินตรงนี้เคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ เป็นเพื่อนไหม ก็ไม่เป็นไร เจอแล้วก็คุยได้ แต่ไม่ขอคุยเรื่องงาน และสนับสนุนแนวทางแบบนั้นไม่ได้จริงๆ ขอให้ใจเย็นทุกอย่างจะค่อยๆ ผ่านไป"

หลังจากนั้น "แอน" ได้ออกมาไลฟ์ผ่านเฟสบุ๊คประมาณว่า ขอสรุปเป็นข้อๆ ทั้ง 5 หัวข้อ กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น สรุปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังนี้

ข้อที่ 1 เรามีผลประโยชน์ร่วมกัน "คำพูดของคุณ ณ ก็คือเรามีผลการลงทุนร่วมกัน ส่วนของ "แอน" เป็นผู้อุปการะคุณ ซึ่งคำว่ากตัญญูสำคัญมาก เรื่องของลูกค้าจะไม่พูดให้ใครฟัง มันคือมารยาททางการค้าแบ่งแยกว่าเขาคือ ผู้อุปการะคุณ สิ่งที่สำคัญที่อยากจะฝากเอาไว้ เราคบกันวันนี้ไม่ใช่ว่าวันหน้าเราจะร่วมงานกัน จะไม่มีการตัดขาดไม่ว่าจะมากจะน้อย ความกตัญญูต้องมาก่อน สิ่งสำคัญ ความซาบซึ้งหายไปไหน การเก็บสายสัมพันธ์ต่อยอดในอนาคต อย่ามองเขาว่าหมดประโยชน์แล้วก็จบกันไป"

ข้อที่ 2 การเล่าข่าว เราเข้าใจทำงานก็ทำไป ยอมรับกระแสเยอะของเราจริงๆ ในช่วงที่ผ่านมา เราทำงานมาด้วยกันนานต้องให้เกียรติกัน "แอน" ได้ไลฟ์สด ขอโทษไปแล้ว พร้อมส่งจดหมายขอโทษเป็นที่เรียบร้อย และได้มีการพูดถึงจิตสำนึกที่ทำพลาดไป ขอโทษไปแล้วทำไมต้องซ้ำเติม ปล่อยข่าววันรุ่งขึ้นว่าขอแบนคนนี้ ศัลยกรรมเปลี่ยนได้เฉพาะภายนอก แต่ไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยและความคิดได้ ดิฉัน รู้สึกตกใจทำไมซ้ำเติมในฐานะเพื่อน ทำงานด้วยกันรู้จักมานาน 10 ปี ถ้าเป็น เพื่อนของเราตัวเราเป็นลูกค้าเขา จ่ายเงินหลายล้านบาทกับพูดว่าขอแบน ไม่ทำงานด้วย มีใครบ้างที่เป็นเพื่อนฝูงเขาขอแบนไปด้วยเลย พูดจาเหมือนใช้อิทธิพล ไม่มีเงาหัวในสายตาเขา ตลอดเวลา 4 ปี คือเพื่อนหรอคะ เราเคยเป็นลูกค้าเขารึเปล่า ที่สำคัญมีเบอร์โทร มีไลน์ เป็นห่วงกันจริงๆ ไม่โทรมาคุยกันล่ะคะ ไม่ต้องมาสร้างหัวข้อข่าวให้ใหญ่ขึ้น ปฎิบัติตัวเหมือนเปาบุ้นจิ้น เราทำอะไรให้โกรธแค้นกัน"

ข้อ 3 การจ่ายเงินช้า "ไม่ได้จ่ายช้า เพราะอุดหนุนมาตลอด พูดแบบเปิดใจ คุณพยายามเข้าตลาดหลักทรัพย์ ทั้งบริษัทมีคุณทำคนเดียว การวางบิลมีกระบวนการ มีวันวางบิล มีสัญญา 4-5 วันวางบิลรับเงินวันที่ 25 เรามีเงินนิ่งๆ พันล้านก็จริง ปล่อยให้ไม่ได้ถ้าเอกสารไม่คบ อย่าเก็บเป็นความเจ็บแค้นเลยดีกว่า เพราะเป็นกฎเกณฑ์ของบริษัท และไม่พูดเรื่องนี้ให้สาธารณชนฟังแน่นอน"

ข้อที่ 4 เรื่องของศิลปินคุณมาร่วมงานที่มาหลายพันคน "นางงาม ศิลปิน VIP มาหมด ต้อนรับไม่ดี เราดูแลศิลปินเบอร์ไหนดูแลเหมือนกันหมด ห้องมีเพียงเท่านั้น ตัวใหญ่ตัวเล็กเท่านั้น จะไปทำอะไรได้ทุกคน ไม่ควรเอามาคุย เพราะดูคุณเรื่องมาก ดูเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่อง ในข้อ 3-4 ถ้าติดใจเรื่องนี้ มีผลข้อ 2 แล้วมาแบน หรือไม่พอใจกับบริษัท ขอฝากเอาไว้ว่าข้อ 3-4 ไม่ใครพูดด้วยซ้ำ คือการร่วมมือกันไม่ควรเอามาพูดให้ใครฟัง เขาจะถอนสปอร์ตเซอร์อีก หากคุณไม่พอใจแล้วคุณออกมาพูด"

ข้อที่ 5 โพสต์ทางโซเชียล "รู้สึกผิดหวัง ที่เกี่ยวกับการโพสต์ของ คุณ ณ มาเป็นเป้า ทำไมเรารู้สึกว่าถูกแทงข้างหลังคนที่มีการอุปถัมป์กันมา 10 ปี เกิดอะไรขึ้น ถ้าปฎิบัติตามหน้าที่ของสื่อควรจะจบ แต่ดิฉันก็ต้องตอกกลับ รู้สึกผิดหวังเพราะมันเป็นข้อความที่ส่งหาเขาแค่คนเดียว ไม่ได้เรียนถึง LGBT ทั้งประเทศ ดึงสติทุกคนกลับมา เรื่องนี้รู้สึกผิดหวังสูญเสียความสุภาพบุรุษหายไปไหน เหมือนถูกหักหลังขอโทษไปแล้ว ควรจะโทรมาให้กำลังกันด้วยซ้ำ"

"ถ้าอยากจะ ชก หาเรื่องก่อน เรามาเพื่ออธิบาย แต่มันคือ การทรยศหักหลังใครไม่ตอกกลับ อย่าโลกสวยกันเลย เขาโพสต์พาดหัวข่าว ฉันก็พาดกลับ ได้อธิบายถึงความในใจไปแล้วช่วงเช้า มันคือความไม่แฟร์ที่เกิดขึ้นกับเราหรือกลุ่ม LGBT เข้าใจอะไรผิด เป็นข้อความที่ส่งหาคุณ ณ เท่านั้น ดิฉันก็ทำบ้าง คุณทำให้คนเสียหน้า ถ้าคุณเสียหน้าบ้างจะรู้สึกยังไง ดิฉันเสียทั้งหน้าทั้งเงินเสียทั้งความรู้สึก"

"LGBT และ LGBT Q ทุกคน ตั้งสติ อย่าตกเป็นเครื่องของคนปั่นกระแส ดิฉันและคุณ ณ ให้เป็นเรียนคุณ ณ ชัดเจน เรื่องธุรกิจเท่านั้น ชอบใช้คำว่าเหยียด ทำไมเราต้องหูเบากันคะ ในเมื่อดิฉันก็เป็นคนข้ามเพศ จะเหยียดด้วยเรื่องอะไร วิเคราะห์ก่อนวิจารณ์รึยัง ถ้าไม่คุณกำลังเหยียดตัวเองอยู่ คนที่เขียนเมามันผสมร้ายปั่นกระแส ดูจากต้นตอของข้อความทำไมไม่ยอมอ่านกัน"

"ดิฉันไม่ได้เจ็บปวด แต่แคร์ เป็นห่วง อนาคตของพวกเราคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้มีการวิเคราะห์ก่อนวิจารณ์จะเกิดอะไรขึ้น จะมีเหยื่อของสังคมที่บริสุทธิ์ จะทำร้ายซ้ำเติมกันอีกเยอะไหม กราบขอตรงนี้อย่าให้มีกันเลยในสังคมไทย อยากให้เห็นเราเป็นแรงบันดาลใจในการต่อสู้ชีวิต"

สุดท้ายได้ฝากข้อความว่า "ต่างคนต่างทำมาหากินดีกว่า" ส่วนหลายคนที่ตั้งคำถามว่า จะจบ หรือจะร่วมงานต่อไหม?

ด้านเจ้าตัวตอบเพียงสั้นๆ ว่า "หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคุณ ถ้าคุณเป็นดิฉันจะอยากคบเขาเป็นเพื่อน อุดหนุนในฐานะลูกค้าต่อไหมค่ะ ดิฉันขอไม่ตอบ"