
สรุปข่าว
ไขคำตอบ "กินยา" กับเครื่องดื่มที่ไม่ใช่ "น้ำเปล่า" ได้หรือไม่? ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการออกฤทธิ์ของยาอย่างไร
"ยา" เป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ ที่ช่วยในการรักษา บรรเทา หรือป้องกันโรคและอาการป่วยต่างๆ ทำให้ร่างกายรู้สึกดีขึ้นตามฤทธิ์และสรรพคุณของยา
หลักการใช้ยานั้น ควรใช้ยาอย่างถูกวิธี ตามขนาดและระยะเวลาของการรักษา ที่เภสัชกรหรือแพทย์แนะนำ
แต่หลายครั้งที่ความเข้าใจผิด ความไม่รู้ รวมถึงความเชื่อผิดๆ อาจส่งผลให้การใช้ยาก่อให้เกิดอันตรายได้ เช่น เกิดผลข้างเคียงเนื่องจากได้รับยาเกินขนาดหรือยาหลายตัวออกฤทธิ์ต้านกัน อาจเกิดอาการแพ้ยา ตั้งแต่อาการเล็กน้อยจนถึงรุนแรงถึงแก่ชีวิต หรืออวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บจากยา โดยเฉพาะตับ ไต กระเพาะอาหาร และสมอง
การกินยากับเครื่องดื่มที่ไม่ใช่น้ำเปล่า
การกินยาให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ควรกินกับน้ำเปล่าที่สะอาด ไม่ควรกินคู่เครื่องดื่มอื่น เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการออกฤทธิ์ของยาได้ ดังนี้
กินยากับนม
- แคลเซียม โปรตีน และเหล็กในนมอาจไปจับกับตัวยาบางชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาลดกรด ส่งผลต่อการดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ยาบางชนิดอาจออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่
กินยากับกาแฟ
- กาแฟมีคาเฟอีนออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท หากกินร่วมกับยาที่กระตุ้นระบบประสาท เช่น ยาแก้หวัด ยาขยายหลอดลม อาจทำให้เกิดอาการใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือเกิดอาการวูบเป็นลมได้ เป็นต้น
กินยากับน้ำผลไม้
- น้ำผลไม้รสเปรี้ยว เช่น น้ำส้ม น้ำมะนาว จะทำให้กรดในกระเพาะอาหารเพิ่มมากขึ้น อาจทำให้ปวดท้องถ้าทานคู่กับยาที่มีฤทธิ์เพิ่มกรดในกระเพาะอยู่แล้ว น้ำผลไม้ยังมีผลต่อการดูดซึมของยาบางชนิด เช่น ยารักษาความดันโลหิตสูง หัวใจล้มเหลว และโรคภูมิแพ้ต่างๆ
กินยากับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ทำให้หลอดเลือดขยายตัวและปัสสาวะมากขึ้น หากกินเวลาใกล้เคียงกับยาที่ออกฤทธิ์ขยายหลอดเลือดหรือยาขับปัสสาวะ จะทำให้หลอดเลือดขยายตัวมากเกินไป เสียน้ำออกจากร่างกายเกินความจำเป็น ส่งผลให้ความดันโลหิตต่ำ มึนงง และอาจเป็นลมหมดสติได้
นอกจากนี้ การดื่มแอลกอฮอล์เรื้อรังยังเพิ่มความเสี่ยงโรคตับอักเสบหรือตับแข็ง การรับประทานยาหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาที่ขับออกจากร่างกายผ่านทางตับ ก็ยิ่งทำให้เซลล์ตับได้รับความเสียหายมากขึ้น แม้จะกินยาในขนาดปกติก็ตาม
กินยากับน้ำอัดลม
- มีทั้งกรดและน้ำตาลสูง ซึ่งขัดขวางการออกฤทธิ์ของยาบางชนิด เช่น ยาลดกรด ยาขยายหลอดลม
ข้อมูลจาก samitivejhospitals
ภาพจาก AFP
ที่มาข้อมูล : -

TNNThailand