"โรคพุ่มพวง" หรือ "โรคแพ้ภูมิตัวเอง" คืออะไร เปิดสาเหตุ อาการ และวิธีการรักษา!

เชื่อว่าหลายๆ คน คงเคยได้ยินคำว่า “โรคพุ่มพวง” หรือ “โรคแพ้ภูมิตัวเอง” กันมาบ้าง ซึ่งโรคนี้มีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต ฉะนั้นวันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักทั้งสาเหตุ อาการ และวิธีการรักษาเกี่ยวกับโรคแพ้ภูมิตัวเองนี้ให้มากยิ่งขึ้นกัน

“โรคแพ้ภูมิตัวเอง” คืออะไร?

โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือ SLE (Systemic Lupus Erythematosus, SLE) เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ที่ทำลายเนื้อเยื่อในร่างกายของตนเอง ซึ่งสาเหตุที่เกิดการผิดพลาดของภูมิคุ้มกันนั้น ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่ามาจากอะไร ปัจจุบันโรคนี้ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทำได้เพียงประคองอาการไม่ให้ระยะของโรคกำเริบเพียงเท่านั้น

“โรคแพ้ภูมิตัวเอง” มีสาเหตุมาจากอะไร?

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น สาเหตุของโรคแพ้ภูมิตัวเองยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่สามารถระบุพฤติกรรมบางอย่างที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคพุ่มพวงได้ เช่น เกิดจากการใช้ยาและสารเคมีบางชนิด การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงตั้งครรภ์ การถ่ายทอดพันธุกรรม เป็นต้น

อาการ “โรคแพ้ภูมิตัวเอง” มีอะไรบ้าง?

อาการของโรคแพ้ภูมิตัวเอง สามารถแบ่งได้หลายระดับ แต่สำหรับอาการโดยทั่วๆ ไป ที่สามารถพบได้บ่อยจะมีดังนี้ 

1. มักมีผื่นขึ้นบริเวณผิวหนัง เช่น ใบหน้า ใบหู แขนขา และลำตัว

2. ในผู้ป่วยบางราย อาจพบผื่นบริเวณใบหน้าคล้ายรูปผีเสื้อ

3. ร่างกายเกิดอาการซีด จากการที่เม็ดเลือดขาวหรือเกล็ดเลือดต่ำ

4. เมื่อโดนแดด มักมีผื่นผิวหนังสีแดงขึ้นอย่างรุนแรง

5. มีแผลในปาก โดยไม่ทราบสาเหตุ

6. เกิดอาการอักเสบที่เยื่อหุ้มปอดหรือหัวใจหรือเยื่อหุ้มสมอง

7. มักมีอาการไตอักเสบร่วมด้วย

8. ข้ออักเสบ จนทำให้เกิดอาการปวดรุนแรง

ซึ่งหากพบว่าตนเองมีอาการดังกล่าวตั้งแต่ 4 ข้อขึ้นไป ควรรีบพบแพทย์เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคพุ่มพวงได้ 

วิธีการรักษา “โรคแพ้ภูมิตัวเอง”

สำหรับวิธีการรักษาโรคนี้ สามารถทำได้แต่ต้องใช้ระยะเวลา อีกทั้งยังต้องติดตามและได้รับการรักษาจากแพทย์อย่างต่อเนื่อง และทานยาตามที่แพทย์สั่ง ร่วมกับการดูแลตนเอง ดังนี้

1. หลีกเลี่ยงการออกแดด หรือถูกแสง

2. พักผ่อนให้เพียงพอ 

3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

ที่มาข้อมูล : โรงพยาบาลบางกอก , โรงพยาบาลเมดพาร์ค

ที่มาภาพ : freepik