
สรุปข่าว
กรณีญี่ปุ่นเรียกคืนผลิตภัณฑ์ข้าวยีสต์แดง ชื่อ Beni-koji choleste-help หลังพบผู้เสียชีวิต ด้าน อย. ไทย ตรวจสอบแล้วไม่พบการขออนุญาตนำเข้าผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
จากกรณีญี่ปุ่นเรียกคืนผลิตภัณฑ์ “ข้าวยีสต์แดง” หลังพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย หลังจากรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริม "เบนิโคจิ" หรือข้าวยีสต์แดง ทั้งนี้มีผู้ป่วย 106 ราย เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หลังจากบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร "ข้าวยีสต์แดง" โดยมีผู้แจ้งผ่านสายด่วนของบริษัทประมาณ 3,000 ราย
เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ประเทศญี่ปุ่น ได้เรียกคืนสินค้าที่อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดไตวาย โดยระบุว่าได้รับรายงานช่วงเดือนมกราคม 2567 มีผู้ป่วยหลังรับประทานผลิตภัณฑ์ Beni-koji choleste-help ที่มีส่วนประกอบของข้าวยีสต์แดง (red yeast rice) ผลิตโดย บริษัท โคบายาชิ ฟาร์มาซูติคอล จำกัด ประเทศญี่ปุ่น จึงได้เรียกคืนผลิตภัณฑ์ทั้งหมด และได้ทำการตรวจสอบและวิเคราะห์หาสารซิทรินินที่อาจปนเปื้อนจากกระบวนการหมักข้าวยีสต์แดง เนื่องจากสารนี้เป็นพิษต่อไตแต่ผลวิเคราะห์ไม่พบสารดังกล่าว
รองเลขาธิการฯ กล่าวต่อไปว่า ได้ตรวจสอบข้อมูลการขออนุญาตแล้ว ไม่พบการขออนุญาตนำเข้า และเลขสารบบอาหารของผลิตภัณฑ์ในข่าวดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีข้าวยีสต์แดง เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ได้รับอนุญาตจาก อย. จะต้องมีสารโมนาโคลิน ไม่เกิน 3 มิลลิกรัมต่อวัน และปริมาณสารปนเปื้อนซิทรินิน ไม่เกิน 10.7 ไมโครกรัมต่อวัน ซึ่งปริมาณที่อนุญาตเป็นปริมาณที่ปลอดภัยต่อการบริโภค อีกทั้ง ฉลากจะต้องแสดงข้อความคำเตือน ดังนี้ “ห้ามใช้เกินขนาดที่กำหนด” “ห้ามใช้ในหญิงให้นมบุตร” “ห้ามใช้ ร่วมกับยาลดระดับไขมันในเลือด, ยากดภูมิคุ้มกัน , ยารักษาอาการซึมเศร้า, และยาต้านไวรัสเอดส์” “ห้ามใช้ในผู้ป่วยโรคตับ หรือโรคไต” “ห้ามรับประทานติดต่อกันนานเกิน 4 เดือน (16 สัปดาห์)” “ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน” และ“หยุดรับประทานทันทีหากมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือมี อาการคล้ายเป็นไข้หวัด”
ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดเหตุในญี่ปุ่นเป็นผลิตภัณฑ์ลดคอเรสเตอรอล ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอาจใช้สารสำคัญโมนาโคลินในปริมาณสูงกว่าที่กำหนดในประเทศไทย เนื่องจากญี่ปุ่นไม่จำกัดปริมาณการใช้ และ อย. ไม่ได้อนุญาตให้นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย
ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา / NHK
ที่มาข้อมูล : -

TNNThailand