
สรุปข่าว
ไฟดูด เป็น อันตรายที่เกิดขึ้นด้วยสาเหตุจากไฟรั่ว เมื่อร่างกายไปสัมผัสอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือสายไฟที่มีการรั่วไหล กระแสไฟฟ้าที่รั่วไหลเหล่านั้นจะเข้าสู่ร่างกายของผู้ที่สัมผัสทันที และกระแสไฟฟ้านั้นไหลผ่านลงสู่พื้นดิน ส่งผลให้ผู้ที่สัมผัสเกิดอาการเกร็งกล้ามเนื้อภายใน จนร่างกายได้รับความเสียหาย อาจจะชัก หมดสติ มีแผลไหม้ ถ้าหากไหลผ่านหัวใจ จะทำให้หัวใจเต้นอ่อนลง และอาจจะหยุดเต้นเป็นเหตุให้เสียชีวิตได้ในที่สุด
วิธีช่วยเหลือผู้ถูกไฟดูดหรือไฟช็อต
1. ตั้งสติ นึกถึงความปลอดภัยของตัวเอง และประเมินอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
2. ตัดกระแสไฟในที่เกิดเหตุทันที ยกเว้นสายไฟแรงสูงให้แจ้งเจ้าหน้าที่
3. ใช้อุปกรณ์ที่ไม่เป็นตัวนำไฟฟ้า เช่น ไม้แห้ง เขี่ยอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือสายไฟออกจากตัวผู้ได้รับบาดเจ็บ
4. เคลื่อนย้ายผู้ได้รับบาดเจ็บไปยังบริเวณพื้นที่ปลอดภัยอย่างถูกวิธี
5. หากผู้ได้รับบาดเจ็บจากไฟบ้านทั่วไปที่กระแสไฟฟ้าไม่แรงมากนัก บาดแผลไม่ลึก ไม่มีอาการผิดปกติ ปฐมพยาบาลและสังเกตอาการที่บ้านได้ และหากมีอาการผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์ทันที
6. ตรวจสอบระดับการตอบสนอง หากผู้ได้รับบาดเจ็บหมดสติ และอยู่ในภาวะหัวใจหยุดเต้นต้องรีบทำ CPR ทันที
7. โทรแจ้งสายด่วน 1669 (สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน)
วิธีป้องกันไฟดูด
-หมั่นคอยตรวจเช็คอุปกรณ์และสายไฟ ซ่อมแซมในส่วนที่ชำรุด
-วางสายไฟให้พ้นทางเดิน ไม่ควรวางสิ่งของหนักๆ ทับสายไฟ เพราะอาจทำให้สายไฟขาดหรือชำรุดได้ง่าย
-ห้ามใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เปียกน้ำ
-ห้ามซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าเองโดยที่ไม่มีความรู้
-หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายประเภทในเต้าเสียบอันเดียว
-ต่อสายดินกับเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชิ้น (ที่จำเป็น) เพื่อให้ไฟฟ้าลงดิน
-หากร่างกายเปียกชื้นห้ามแตะอุปกรณ์ไฟฟ้าเด็ดขาด เพราะจะทำให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายได้สะดวก เป็นอันตรายถึงชีวิต
-ควรจะติดตั้งเครื่องตัดไฟฟ้าลัดวงจรภายในบ้าน เพื่อความปลอดภัยและเป็นการป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
สำหรับอันตรายจากไฟดูด ไฟช๊อตในประเทศไทย ส่วนใหญ่มักเกิดในบ้านซึ่งไม่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บที่รุนแรงมากนัก เพราะไฟบ้านในประเทศไทยเป็นไฟฟ้าชนิดแรงต่ำ ที่ 220 โวลท์ เท่านั้น ในรายที่ถูกไฟดูด ไฟช๊อตและเสียชีวิตนั้น ส่วนใหญ่จะเกิดจากการที่ถูกไฟฟ้าแรงสูงชนิด high voltage สูงกว่า 1000 โวลท์ดูด ซึ่งผู้ป่วยมักจะเสียชีวิตในที่เกิดเหตุเนื่องจากกระแสไฟฟ้าแรงสูงที่ไหลผ่านหัวใจทำให้คลื่นหัวใจเปลี่ยนแปลงและเกิดหัวใจหยุดทำงาน ในบางครั้งอาจเกิดอันตรายต่ออวัยวะอื่น ๆ ที่เป็นทางผ่านของกระแสไฟฟ้าได้ เช่น กล้ามเนื้อ กระดูก อวัยวะในช่องท้อง ระบบประสาท เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก: โรงพยาบาลบางปะกอก 3 , รพ.นครธน, โรงพยาบาลศิริราช
ที่มาข้อมูล : -

TNNThailand