
สรุปข่าว
องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ประกาศให้การระบาดของฝีดาษลิง "สายพันธุ์เคลด วัน" เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ
การระบาดก่อนหน้านี้เมื่อ ปี 2022 เป็นสายพันธุ์ "เคลด ทู" (Clade 2) ซึ่งพบส่วนใหญ่ในแอฟริกาตะวันตก ขณะที่การระบาดครั้งนี้ เป็น "เคลด วัน" ซึ่งมีความรุนแรงโรคมากกว่า และเพิ่งเคยพบผู้ติดเชื้อครั้งแรกในหลายประเทศ
ทั้ง 2 สายพันธุ์มีความแตกต่างกันอย่างไร?
Clade 1 (สายพันธุ์ระบาดในปัจจุบัน)
พบครั้งแรกในแอฟริกาตอนกลาง โดยเฉพาะในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก
อาการ: มีความรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์ "เคลด ทู" ก่อให้เกิดอาการโรคไข้สมองอักเสบ ปอดอักเสบ และระบบทางเดินหายใจบกพร่อง
การแพร่เชื้อ จากคนสู่คนในอัตราสูง เชื้อแพร่กระจายง่าย ผ่านละอองของของเหลว เช่น น้ำลาย น้ำมูก เสมหะ ที่เกิดจากการพูดคุย ไอ หรือจาม และการสัมผัสใกล้ชิด
Clade 2 (สายพันธุ์เก่า)
พบครั้งแรกในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก ในประเทศไนจีเรียและเพื่อนบ้าน
อาการ: รุนแรงน้อยกว่า เคลด วัน แผลที่ผิวหนังผู้ป่วยบางเบาและหายง่ายกว่า
อัตราการแผร่เชื้อต่ำ น้อยกว่าร้อยละ 1

- จีนผวา! พบผู้ติดเชื้อ "ฝีดาษลิงสายพันธุ์ใหม่" 5 ราย ต้นตอจากคองโก
- รายแรก! แคนาดา ยืนยันพบผู้ติดเชื้อโรคฝีดาษลิง "สายพันธุ์เคลด 1"
- WHO อนุมัติใช้วัคซีนโรคฝีดาษลิงจากบริษัท KM Biologics ของญี่ปุ่น
- WHO อนุมัติใช้ "วัคซีนฝีดาษลิง" จากบริษัทญี่ปุ่น สำหรับใช้กรณีฉุกเฉิน
- ฝีดาษลิง ในแอฟริกาพบแล้วเกือบ 3 หมื่นคน "อินเดีย" พบผู้ป่วยชนิดรุนแรงรายแรก
- สธ.ยกระดับโรค “ฉี่หนู”บนเวทีโลก ชงบรรจุเป็นโรคเขตร้อนที่ถูกละเลยของ WHO
- กรมควบคุมโรค สั่งนำเข้า วันซีนฝีดาษลิง 3,000 โดส เตรียมเริ่มใช้ในกลุ่มเสี่ยงก่อน
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand