เตรียมตัวอย่างไร? ก่อนจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม

วันที่ 23 มกราคม 2568 ประเทศไทยจะเข้าสู่บทใหม่แห่งความเท่าเทียมด้วยการเปิดให้คู่รักเพศเดียวกันสามารถ จดทะเบียนสมรสเท่าเทียม ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย นี่คือก้าวสำคัญของการยอมรับสิทธิและความเท่าเทียมของทุกคนในสังคม ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนเฝ้ารอมานาน


เตรียมตัวอย่างไร? ก่อนจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม

สรุปข่าว

ความสำคัญของการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม

การจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมเป็นมากกว่าการประกาศความรักระหว่างคู่รักเพศเดียวกัน มันเป็นสัญลักษณ์ของความเท่าเทียมในสังคม และยังมีผลในแง่กฎหมายที่สำคัญ เช่น สิทธิในทรัพย์สิน การตัดสินใจทางการแพทย์ และสิทธิการดูแลบุตร โดยที่ผ่านมาคู่รักเพศเดียวกันต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายเมื่อไม่มีสถานะทางกฎหมายที่รับรอง การเปิดให้จดทะเบียนสมรสเท่าเทียมในวันที่ 23 มกราคม 2568 จึงเป็นก้าวสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม


การเตรียมตัวก่อน จดทะเบียนสมรสเท่าเทียม

ความเข้าใจในกฎหมายและสิทธิที่เกี่ยวข้อง

ก่อนที่คุณจะจดทะเบียนสมรส คุณควรศึกษาข้อกำหนดและสิทธิที่มาพร้อมกับสถานะการสมรส เช่น


-สิทธิในการตัดสินใจทางการแพทย์: คู่สมรสมีสิทธิในการตัดสินใจเมื่อคู่ของคุณประสบปัญหาสุขภาพ

-สิทธิทางทรัพย์สิน: ทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างการสมรสจะถือเป็นสินสมรส

-สิทธิการดูแลบุตร: หากคุณและคู่ของคุณมีหรือวางแผนที่จะมีบุตร การจดทะเบียนสมรสจะช่วยให้คุณมีสิทธิตามกฎหมายในการดูแลบุตร


--การพูดคุยและวางแผนร่วมกัน--

การแต่งงานไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความรัก แต่ยังเกี่ยวข้องกับการวางแผนชีวิตร่วมกัน คุณและคู่ของคุณควรพูดคุยในหัวข้อต่อไปนี้


-เป้าหมายในอนาคต: เช่น การวางแผนการเงินและที่อยู่อาศัย

-บทบาทในครอบครัว: ใครจะรับผิดชอบเรื่องใด

-การจัดการความขัดแย้ง: วิธีการแก้ปัญหาเมื่อเกิดความไม่เข้าใจกัน


--การแจ้งครอบครัวและผู้ใกล้ชิด--


แม้ว่าการแต่งงานจะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่การแจ้งให้ครอบครัวหรือคนใกล้ชิดทราบสามารถช่วยสร้างความเข้าใจและสนับสนุนคุณในช่วงเวลาสำคัญนี้


--คุณสมบัติของผู้ จดทะเบียนสมรสเท่าเทียม--


-บุคคลทั้งสองจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ กรณีผู้เยาว์ต้องนำบิดามารดาหรือผู้ปกครองมาให้ความยินยอมด้วย

-กรณีอายุต่ำกว่า 18 ปี จะต้องได้รับอนุญาตจากศาล

-ไม่เป็นคนวิกลจริต หรือไร้ความสามารถ

-ไม่เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดา หรือร่วมแต่บิดามารดา

-ไม่เป็นคู่สมรสของบุคคลอื่น

-ผู้รับบุตรบุญธรรมจะสมรสกับบุตรบุญธรรมไม่ได้

-หญิงที่ชายผู้เป็นคู่สมรสตาย หรือการสมรสสิ้นสุดลงด้วยประการอื่น จะสมรสใหม่ได้ต่อเมื่อสิ้นสุดการสมรสไปแล้วไม่น้อยกว่า 310 วัน เว้นแต่ ...


-คลอดบุตรแล้วในระหว่างนั้น 

-ศาลมีคำสั่งให้สมรสได้,สมรสกับคู่สมรสเดิม

-บุคคลที่มีอายุไม่ครบ 18 ปีบริบูรณ์ ศาลอาจอนุญาตให้สมรสได้

-มีใบรับรองแพทย์ว่าไม่ได้ตั้งครรภ์


--สถานที่และค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนสมรส--

-สำนักงานเขต (ในกรุงเทพฯ)

-ที่ว่าการอำเภอ (ต่างจังหวัด)

-สถานกงสุลไทยในต่างประเทศ


--ค่าใช้จ่าย--

-ไม่มีค่าใช้จ่าย หากจดทะเบียนสมรสในสำนักทะเบียน

-หากจดทะเบียนสมรสนอกสำนักทะเบียน ต้องจัดรถรับ-ส่งนายทะเบียน และมีค่าธรรมเนียม 200 บาท


--เอกสารที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม--


-บัตรประชาชน (สำหรับคนไทย)

-สัญญาก่อนสมรส (ถ้ามี)

-พยานบุคคลอายุ 20 ปีขึ้นไป จำนวน 2 คน

-กรณีอายุยังไม่ครบ 20 ปี ต้องมีใบยินยอมจากผู้ปกครอง


--สำหรับชาวต่างชาติ--


-หนังสือเดินทาง (Passport)

-หนังสือรับรองสถานะสมรส (Certified Marriage Certificate)

-เอกสารต้องแปลเป็นภาษาไทยและรับรองจากกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ


--การหย่าและเอกสารการหย่า--


หากต้องการหย่า สามารถทำได้ 3 กรณี


-คู่สมรสเสียชีวิต

-การจดทะเบียนหย่า ซึ่งหากเป็นการยินยอมทั้งสองฝ่าย สามารถจดทะเบียนหย่าได้ทั้งในและนอกสำนักทะเบียน

-ศาลสั่งให้ถอนสมรส


--เอกสารที่ต้องใช้สำหรับการหย่า--


-บัตรประชาชนสำหรับคนไทย

-สัญญาการหย่า

-คำสั่งศาล (ถ้ามี)

-พยานที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป จำนวน 2 คน


--การเตรียมใจสำหรับการเปลี่ยนแปลง--


1.การปรับตัวเข้าสู่ชีวิตคู่


การแต่งงานนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน เช่น การใช้ชีวิตร่วมกัน การแบ่งปันความรับผิดชอบ และการแก้ไขปัญหาร่วมกัน คุณควรเตรียมใจให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้


3.การรับมือกับความท้าทายในอนาคต


ชีวิตคู่ไม่ได้ราบรื่นเสมอไป การมีแผนรับมือกับปัญหา เช่น การปรึกษานักบำบัดคู่รัก หรือการพูดคุยเปิดใจเมื่อเกิดความขัดแย้ง จะช่วยให้ความสัมพันธ์ของคุณแข็งแกร่งยิ่งขึ้น


ที่มาข้อมูล : มูลนิธิเพื่อรัก

ที่มารูปภาพ : Envato

แท็กบทความ